
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ห้องเช่าเลขที่ 221/2 หมู่ที่ 6 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังได้ทราบเรื่องจากชาวบ้านต.บ้านไร่ ว่า พบเด็กชายวัย 11 ปี ที่ขยันขันแข็ง เป็นนักสู้ชีวิตตัวน้อย ที่ไม่นั่งรอความหวัง ไม่แบบมือขอใคร นั่งขายข้าวกล่องหาเลี้ยงครอบครัว และซื้ออุปกรณ์การเรียน บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เมื่อไปถึงพบ ด.ช.เพชรเลิศ หรือ น้องบอสตัน นุเรศรัมย์ อายุ 11 ปี เด็กยอดขยัน ที่กำลังขี่รถจักรยานกลับมาจากโรงเรียน หลังจากเปลี่ยนเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย น้องรีบมาช่วย นายธนกร ทวะรุ่งเรือง อายุ 34 ปี และ น.ส.รัศมี มณีวรรณ อายุ 35 ปี พ่อและแม่ช่วยกันทำข้าวกล่อง เตรียมจะนำไปขายในช่วงเย็น ซึ่งจะนำไปขายในราคาเพียงกล่องละ 20 บาท
ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดตามชีวิตของ น้องบอสตัน ตั้งแต่กลับจากโรเรียน จนออกไปขายข้าวกล่องบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 2 แห่ง เรียกได้ว่า การกระทำและความคิดของน้อง ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนต้องอายไปเลย และถ้าใครได้เห็นหรือรู้จักน้อง จะต้องมีกำลังใจในการใช้ชีวิตและสู้ชีวิตต่อไป กับในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ ด้วยลีลาในการขายของ น้องบอสตัน ไม่เบาเลย ป้ายราคาไม่ต้องมี น้องบอสตัน เรียกลูกค้าและแจ้งราคาเอง ระหว่างที่รอลูกค้า น้องบอสตัน ยังนำหนังสือเรียนมาอ่านฆ่าเวลาอีกด้วย ต้องบอกว่าน้องเป็นเด็กที่ขยันจริงๆ ข้าวกล่องของน้องจะมีหลากหลายเมนู สลับหมุนเวียนกันไป มีทั้งข้าวราดแกง ข้าวไข่เจียว ราดหน้า บะหมี่เกี๊ยว ปอเปี๊ยะ และอีกหลายหลากเมนูมากมาย
นายธนกร พ่อของ น้องบอสตัน บอกว่า ตนและครอบครัวพึ่งย้ายมา เพื่อตั้งใจทำมาหากินที่นี่ เดิมทีไม่มีทุนจึงนำรถพ่วงข้างไปขาย เพื่อนำเงินมาเช่าบ้านและเปิดร้านขายข้าวหน้าบ้านเช่า แต่กลับไม่มีคนมาซื้อเพราะทำเลไม่เหมาะ ทำให้ขาดทุนทุกวัน จนไม่มีเงินทุนขายข้าวต่อ ตนกับแฟนจึงตัดสินใจทำข้าวกล่องออกเดินขายตามบ้าน โดยต้องอุ้ม น้องปลาทู วัย 1 ปี น้องของน้องบอสตัส ไปข้าวข้าวด้วย ซึ่งวันหนึ่งต้องเดินขายถึง 3 กม. แต่ก็ขายไม่ค่อยได้ พอน้องบอสตัสรู้เรื่อง จึงอาสาขอไปขายตามหน้าร้านสะดวกซื้อแทน แรกๆตนกับแฟนไม่เห็นด้วย เพราะน้องยังเด็กอยู่ ทั้งเรียนหนังสือ และไม่มีเงินทุนไปเช่าพื้นที่ขายข้าว แต่น้องก็รบเร้าขอไปขายให้ได้ เพราะอยากช่วยเหลือครอบครัว ตนกับแฟนจึงจำเป็นต้องยอม
ที่แรกตนไม่มีทุนจะทำข้าวกล่องให้น้องไปขาย จึงไปขอเชื่อวัสถุดิบมาก่อน แล้วค่อยนำไปจ่ายเงินให้ทีหลัง ตนยอมรับว่าเป็นหนี้บุญคุณ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดและผู้จัดการร้านสะดวกซื้อมากๆ ที่ให้ความช่วยเหลือจนตนทำข้าวกล่องให้น้องไปขายได้ ซึ่งตนและครอบครัวรวมทั้งน้องก็ไม่เคยไปขอเงินจากใคร เพราะรู้ทุกคนต้องมีภาระ และครอบครัวตนก็ไม่อยากเป็นภาระของสังคม เม่อขายของได้ตนจะรีบนำเงินไปจ่ายให้ร้านที่ไปเชื่อของมาทุกบาททุกสตรางค์
นายธนกร ยังกล่าวว่า น้องบอสตัส เป็นเด็กกตัญญู นิสัยดีน่ารัก ขยันขันแข็ง ช่วยเหลือพ่อแม่ทุกอย่าง ทั้งเป็นเด็กเรียนเก่ง และเป็นเด็กที่อดออมเงินเก่ง แต่เป็นเด็กที่รักน้องมาก ซึ่งวันไหนที่น้องได้เงินไปเรียน น้องจะไม่นำไปซื้ออะไรเลย แต่กลับเก็บเงินมาซื้อขนมให้ น้องปลาทู เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้เงินไปเรียน จึงทำให้น้องเป็นที่รักของชาวบ้าน และช่วยเหลือน้องในการช่วยซื้อข้าวกล่อง แม้แต่เด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ยังรักและเอ็นดูน้อง จนมีคนใจบุญซื้อจักรยานให้น้องไว้ใช้ ซึ่งทุกวันน้องหลังกลับจากโรงเรียน น้องจะช่วยทำข้าวกล่อง และขี่รถจักรยานไปขายหน้าร้านสะดวกซื้อ 2 แห่ง ห่างจากบ้าน 1 กม. ส่วนตนกับแฟนก็จะอุ้มของปลาทูเดินตามไปช่วยน้องขาย ช่วงขายของน้องจะอ่านหนังสือเรียนและทำการบ้านไปด้วย
น้องบอสตัส ไม่เคยออกไปเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลิกเรียนกลับถึงบ้านทันที และทำการบ้าน ดูแลน้อง ช่วยแพคข้าว เตรียมของไปขาย และพอถึงเวลาก็จะขี่รถจักรยานออกไปขาย จะทำแบบนี้ทุกวันไม่มีใครไปบังคับ ตนยอมรับความเป็นอยู่ของครอบครัวแย่มากๆ แต่ครอบครัวตนและน้องบอสตัส ก็เลือกที่จะสู้ไม่ถอย สุขทุกข์ไปด้วยกัน ไม่ไปขอใครให้เป็นภาระของสังคม สมัยก่อนมีรถพ่วงข้าง ยังใช้ขี่ไปซื้อของขายของบ้าง แต่จำเป็นต้องขายไป ทำให้ตอนนี้ไม่มีรถใช้ มีเพียงรถจักรยานที่มีคนมาบริจาคให้น้องใช้กันทั้งบ้าน ซึ่งตนก็ได้ใช้ขี่ไปซื้อของที่ตลาดไปกลับ 30 กม. ทุกเช้ามืด ส่วนเสื้อผ้ากับรองเท้าก็มีคนบริจาคมาให้น้อง 1 ชุด และอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นเท่านั้น แต่ก็ยังขาดชุดนักเรียน
นายธนกร ยังบอกต่ออีกว่า วันแรกที่น้องบอสตันออกไปขายข้าวกล่อง เขาพูดว่า “อยากหารายได้ช่วยพ่อกับแม่ บางครั้งเขาอยากได้ของเล่น หรืออุปกรณ์การเรียน เขาจะเก็บเงินซื้อเอง แม้อุปกรณ์การเรียนเขาจะเก็บเงินที่ได้จากลูกค้าให้ทิปไปซื้อเอง ส่วนอุปกรณ์การเรียนที่น้องขาดจริงๆและต้องการคือ ชุดนักเรียนเพราะมีเพียงชุดเดียว ชุดพละ กระเป๋า ยอมรับภาระค่าใช้จ่ายสูง ค่าบ้านเช่าเดือนละ 3,000 บาท ค่ากินอยู่ ค่าน้ำ ค่าไฟ รายได้จากข้าวกล่อง(ถ้าขายหมด)หักต้นทุนแล้วเหลือวันละ 250 บาท ให้น้องบอสตันไปโรงเรียนวันละ 40 บาท ถือว่าพอถูไถไปได้ในแต่ละวัน แต่ถ้าวันไหนขายไม่ดี บางครั้งจะไม่มีเงินให้น้องไปโรงเรียน สิ่งที่หวังและตั้งใจอยากให้น้องเป็นคนดีของสังคม ช่วยเหลือตัวเองได้ ปัจจุบันน้องเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดชาวเหนือ ชั้นป.3 ผลการเรียนอยู่ที่ 3.9 เกือบทุกเทอม
ขณะที่ น้องบอสตัส กล่าวว่า ที่มาขายเพราะอยากช่วยพ่อแม่ และหาเงินมาซื้ออุปกรณ์การเรียนเอง ไม่มีใครบังคับให้ไปขาย ส่วนความเป็นอยู่ของตนตอนนี้พออยู่ได้ แต่ปัจจุบันอยากได้โทรศัพท์ เอาไว้ค้นหาข่าวสาร ข้อมูลการเรียนในโลกอินเตอร์เน็ต เพราะทั้งบ้านมีเพียงโทรศัพท์เครื่องเดียว ไม่มีทีวี เวลาจะหาข้อมูลการเรียนต้องขอยืมพ่อ ในบ้านมีเพียง เตารีด ตู้เย็น หม้อหุง และพัดลมเท่านั้น อนาคตมีความฝันอยากเป็น ทหาร รับใช้ชาติและมีเงินมาให้พ่อแม่และเลี้ยงน้องชยได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามน้องว่า ไม่อยากออกไปเล่นเหมือนเด็กคนอื่นบ้างหรือ และน้องอยากบอกอะไรให้เพื่อนๆรับรู้ น้องตอบว่า “อยากครับ แต่ผมทนเห็นพ่อแม่และน้องลำบากไม่ได้จริงๆ อยากหาเงินให้ได้เยอะให้พ่อแม่ และผมไม่อายและไม่เขินเวลาไปนั่งขายของ และไม่มีเพื่อนๆมาล้อผมด้วย มีแต่มาพูดว่า สู้สู้น่ะ ผมอยากบอกเพื่อนๆว่า ขอบคุณและให้ตั้งใจเรียนะ”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปที่ตลาดที่พ่อแม่น้องไปเชื่อของมาทำขาย โดยได้พบกับ น.ส.เงาะ อายุ 50 ปี แม่ค้าในตลาดที่ให้ความช่วยเหลือคนรอบครัวน้องบอสตันเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกเธอเห็นครอบครัวนี้มาซื้อของในตลาด และมาขอซื้อของแต่ติดเงินไว้ก่อน ซึ่งเธอสงสารและคิดว่าเงินจำนวนไม่มากจึงยอม จนเป็นลูกค้าประจำกัน ทุกวันเธอจะเห็นน้องบอสตันและครอบครัวเดินจากบ้านไกลกว่า 1 กิโลเมตร มานั่งขายของหน้าร้านสะดวกซื้อกันทุกวัน จะมีไฟดวงเล็กๆถือกัน บางวันฝนตกเธอสงสารจะขับรถไปรับมาส่งที่หน้าร้านสะดวกซื้อเป็นประจำ จนล่าสุดมีคนบริจาครถจักรยานมาให้ก็เห็นเปลี่ยนมาปั่นรถจักรยานแทนดีขึ้นหน่อย แต่เธอก็ยังสงสารที่ครอบครัวนี้ต้องมานั่งขายของกันแบบนี้ แต่ช่วยได้เท่าที่จะช่วย เธอชื่นชมน้องบอสตันที่ขยันช่วยพ่อแม่ แต่อีกใจสงสารต้องมานั่งขายของแบบนี้ อยากให้หน่วยงานลงมาช่วยหรือให้คำปรึกษาและช่วยเหลือครอบครัวนี้แบบยั่งยืนและมั่นคงต่อไป
ขณะที่ลูกค้าหลายคนที่มาช่วยน้องซื้อข้าวกล่อง ตามพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สงสารน้อง และเห็นใจครอบครัวนี้ จึงมาช่วยอุดหนุนข้าวกล่องน้อง น้องเป็นเด็กขยัน นิสัยดี พูดเพาะ จนทุกคนที่เห็นต้องรักและเอ็นดู ส่วนข้าวกล่องก็รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ที่สำคัญเห็นน้องมานั่งขายแล้วรู้สึกดี จึงอยากสนับสนุน ซึ่งทุกคนก็พยายามช่วยเหลือน้อง แต่ก็ช่วยได้แค่เพียงอุดหนุม และให้ทิปน้องบ้าง แต่จะให้ช่วยน้องเยอะๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่แถวนี้ก็ไม่มีกำลัง เพราะอาชีพชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นเกษตรกร ไม่ได้ร่ำรวยอะไร จึงอยากให้หน่วยงานและคนใจบุญช่วยเหลือน้องและครอบครัว และเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนอยากเห็น ว่านองและครอบครัวได้รับการช่วยเหลือ
สำหรับท่านใดอยากช่วยเหลือ น้องบอสตัส เด็กชายวัย 11 สู้ชีวิต และครอบครัวของน้อง สามารถมาอุดหนุนข้าวกล่องน้องหรือสั่งข้าวกล่องไปเลี้ยงตามงานต่างๆได้ โดยสามารถติดต่อได้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้ตลาดนัดขวัญใจแม่ค้า หมู่ที่ 4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ตั้งแต่เวลา 18.00 เป็นต้นไป หรือติดต่อสอบถามให้การช่วยเหลือได้ที่เบอร์โทร 065 – 5892918 หรืออยากบริจาคช่วยเหลือค่าเสื้อผ้าอุปกรณ์การเรียนให้น้อง ได้ที่บัญชีธนาคาร กรุงเทพ เลขบัญชี 9127057249 ชื่อบัญชี นายธนกร ทวะรุ่งเรือง ผู้เป็นพ่อของน้อง
สุจินต์ นฤภัย ( เต้ ) จ.ราชบุรี