
วันนี้ 4 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ด้วยการใช้รถยนต์ตู้เป็นพาหนะ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทราบ จากนั้นมอบหมายให้นายกฤษฎา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภทองผาภูมิที่ 9 วางแผนออกลาดตระเวนหาข่าวเพื่อสกัดจับ พร้อมประสานไปยัง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสารวัตรกำนัน หมู่ 1 ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ ร่วมกันเฝ้าระวัง
จนกระทั่งเวลา 07.00 น.นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจากนายกฤษฎา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภอฯว่าพบรถตู้ยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน ก.ค 4727 กรุงเทพมหานคร ติดฟิล์มมืดทั้งคัน ลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งขับมาจากทางด้านอำเภอสังขละบุรี เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางเข้าสหกรณ์นิคม หมู่ 1 ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบกลุ่มแงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายหญิงนั่งแออัดกันมาเต็มคันรถ จำนวน จำนวน 35 ราย เป็นชาย จำนวน 19 ราย หญิง จำนวน 15 ราย และผู้ติดตาม(ลูกของแรงงานเป็นเด็ก) จำนวน 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวทั้งหมดลงมาจากรถเพื่อขอตรวจสอบเอกสาร พร้อมกับจับกุมตัวนายสุทน (ขอสงวนนามสกุล)ชาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี คนขับเอาไว้ และจากการตรวจสอบป้ายทะเบียนหมายเลข กค 4727 กรุงเทพมหานคร ที่นำมาติดนั้นพบเป็นป้ายทะเบียนปลอม ส่วนป้ายทะเบียนจริงคือทะเบียน 1 นค 4662 กรุงเทพมหานคร
ขณะกลุ่มแรงงานที่ถูกจับกุมไม่มีเอกสารการอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยและไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำผ่านล่ามแปล เบื้องต้นให้การว่าทั้งหมดหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตามแนวชายแดนด้านอำเภอสังขละบุรี เพื่อต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าคนละ 12,000 บาท ระหว่างเดินทางก็มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน
หลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวแรงงานทั้งหมดส่งพนักานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และดำเนินคดีต่อนายสุทน คนขับรถตู้ในข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ส่วนกรณีสวมทะเบียนปลอม พนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ต่อไป
……………………….
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์