วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่บริเวณหาดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำกก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

ในโอกาสนี้ นาวาอากาศเอก ณัฐพัชร หนองแสง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 (ผบ.นพค.35) ได้รายงานสรุปการดำเนินงานของโครงการขุดลอกลำน้ำกก โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม เสริมสร้างประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อการใช้ประโยชน์ของชุมชนและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
สำหรับโครงการฯ ดำเนินการในลักษณะแผนเร่งด่วน ประกอบด้วยการขุดลอก 4 จุดหลัก พร้อมกำหนดจุดทิ้งดินอย่างเหมาะสม มีปริมาณดินขุดรวมไม่ต่ำกว่า 189,108 ลูกบาศก์เมตร ด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 12,100,000 บาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม ถึง 20 กรกฎาคม 2568 รวมระยะเวลา 55 วัน โดยล่าสุดโครงการมีความคืบหน้า 100% แล้ว
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ กล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมว่า กระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการสนับสนุนการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยมีหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค 3 และกรมการทหารช่าง รับผิดชอบในพื้นที่เชียงรายและเชียงใหม่ตามลำดับ ซึ่งตนได้ลงพื้นที่ทั้งแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ แม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย และเตรียมเดินทางไปยังอำเภอแม่สายในลำดับถัดไป
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยังได้แสดงความพอใจต่อผลการดำเนินงานของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 ที่สามารถขุดลอกได้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีความห่วงใยถึงพื้นที่ต้นน้ำและปลายน้ำที่ยังไม่ได้รับการดำเนินการ ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพของพื้นที่ที่ขุดลอกแล้ว โดยได้กำชับให้มีการประสานระหว่างจังหวัดกับกระทรวงเกษตรและกระทรวงคมนาคม เพื่อเร่งรัดการดำเนินการในจุดที่เหลือ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูน้ำหลากในเดือนกันยายน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย ซึ่งกองทัพจะต้องร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 37 และจังหวัดเชียงราย เพื่อประสานแผนการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ โดยหวังว่าปีนี้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเท่าปีที่ผ่านมา.
Discussion about this post