เวลา 15.00 น.วันที่ 16 ก.ค.68 ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (แม่สาย – ท่าขี้เหล็ก) จ.เชียงราย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พ.อ.ไพโรจน์ ยะวิญญชาญ ผู้แทนจาก นบ.ยส.35 พ.อ.ไมตรี ศรีสันเทียะ เสนาธิการ กองกำลังผาเมือง พ.อ.อนุวัช ปัญญานันท์ ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย นายอภิชาติ ใจงาม นายด่านศุลกากรแม่สาย พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และคณะ นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ อินทรีย์ 19 ร่วมกันรับมอบตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 2 ราย คือ นายเตชินท์ หน่อวงค์ และ นายฉมัง กันทวงค์ เป็นนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญในระดับผู้สั่งการ หลังจากถูกออกหมายจับในคดียาเสพติด ได้ร่วมกันหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา จาก สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นำโดย Police Brigadier General Thant Lwin Maung, Joint Secretary of the Central Committee for Drug Abuse Control Commander of Drug Enforcement Division

การจับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศ โดย สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจาก สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) ในการช่วยดำเนินการสืบสวนพิสูจน์ทราบที่พักอาศัยของผู้ต้องหาที่ใช้หลบซ่อนตัวในเมียนมา กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 คน แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีที่เห็นผลเป็นรูปธรรมในการงานร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นายเตชินท์ และนายฉมัง เป็นนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ต้องการตัว มีพฤติการณ์อยู่ในระดับผู้สั่งการ และจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากคดีการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม ซุกซ่อนใต้เบาะรถตู้ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 จนกระทั่งทราบว่า ผู้สั่งการคือนายเตชินท์ และมีผู้ร่วมขบวนการ 2 คน คือ นายฉมัง กับ นายพรรคภูมิ และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางไอซ์ 500 กิโลกรัม โดยได้ออกหมายจับ 5 คน รวมนายเตชินท์ ด้วย
โดยทางสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี ปฏิบัติการต่อเครือข่ายนายเตชินท์ฯ ในห้วงวันที่ 5 มีนาคม 2568 ภายใต้ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุด 6 จังหวัด จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.สุพรรณบุรี จ.อ่างทอง จ.สุโขทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน นายเตชินท์ นายฉมัง นายพรรคภูมิ โดยสามารถจับกุม นายพรรคภูมิ พร้อมกับยึดทรัพย์สินมูลค่า 80 ล้านบาท เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ ทองรูปพรรณ เงินในบัญชีธนาคาร ฯลฯ
โดยพบว่าในห้วงเดือนตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568 มีการจับกุมยาเสพติดเครือข่ายนายเตชินท์ รวม 4 คดี ของกลางยาเสพติด ไอซ์ 609 กิโลกรัม เฮโรอีน 154 กิโลกรัม ยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด ขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหา 8 คน จับกุมแล้ว 3 คน เตรียมรวมรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ 3 คน ยึดทรัพย์สินเครือข่ายรวมมูลค่า 100 ล้านบาท
หลังจากถูกออกหมายจับ นายเตชินท์ และ นายฉมัง ได้หลบหนีหมายจับไปอาศัยอยู่ที่เมียนมา แต่ยังคงมีพฤติการณ์สั่งการและจัดหายาเสพติดให้บุคคลในเครือข่ายลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่อง สำนักงาน ป.ป.ส. จึงกำหนดบุคคลทั้งสองเป็นเป้าหมายในโครงการประกาศสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญตามหมายจับประจำปีงบประมาณ 2568 รวมเงินรางวัลนำจับ 2,500,000 บาท
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับ นายเตชินท์ จึงประสานข้อมูลผ่าน อทป.ย่างกุ้ง ไปยัง สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ให้ช่วยสืบสวนพิสูจน์ทราบที่พักอาศัยของนายเตชินท์ ที่ใช้หลบซ่อนตัว จากการที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักอาศัยดังกล่าว พบ นายเตชินท์ หน่อวงค์ และ นายฉมัง กันทวงค์ จึงได้ทำการควบคุมตัวเอาไว้ได้
ภายหลังจากที่รับส่งมอบตัว นายเตชินท์และ นายฉมัง มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานภาคี ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการต่อทรัพย์สินของบุคคลในเครือข่ายเพิ่มเติมต่อไป
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทางรัฐว้าได้มีการปราบปรามยาเสพติดและส่งตัวผู้ต้องหา และยาเสพติดให้กับทางการจีน ทำให้เห็นได้ว่ารัฐว้าเองมีความตั้งใจที่จะปราบปรามยาเสพติด อย่างไรก็ตามหากรัฐว้าจริงจังที่จะปราบปรามยาเสพติดจริง อยากจะขอส่งมอบตัว นายวีระ หมื่นจะดา ซึ่งเป็นนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐว้า และยังเป็นลูกเขยของ พ.อ.จะลอโบ ส่งให้กับรัฐไทย เพื่อแสดงความจริงใจในการปราบปรามยาเสพติด.
Discussion about this post