
ผู้สื่อข่าวรางาน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ตำบลห้วยบง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ได้เกิดภาพความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เมื่อชาวบ้านตำบลบ้านหมอกว่า 30 ชีวิต ได้รวมตัวเดินทางมาให้กำลังใจ นายสุฑฒิชัย วงษ์ไพร หรือ “นายกฯตุ้ย บ้านหมอ” อดีตนายกเทศมนตรีตําบลบ้านหมอ ที่ต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากอัยการในคดี บุกรุก ทำลายทรัพย์สิน และทำให้ประชาชนเดือดร้อน จากกรณีที่อดีตนายกฯตุ้ย ได้เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าของที่ดินรายใหม่ปิดกั้นถนนสาธารณะที่ชาวบ้านใช้สัญจรมานานหลายสิบปี
เหตุการณ์นี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 ชาวบ้านกว่า 50-60 คน ได้รวมตัวกันหน้าเทศบาลตำบลบ้านหมอ ถือป้ายเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้นายสุฑฒิชัยฯ ในฐานะนายกเทศมนตรีฯ ในขณะนั้น ช่วยทวงคืนถนนสายรองที่ถูกปิดกั้นมานานหลายเดือน เนื่องจากถนนเส้นดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ใช้กันมานานหลายสิบปี แต่เมื่อมีการเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดิน ถนนเส้นนี้กลับถูกอ้างสิทธิ์ครอบครองและปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านใช้สัญจร
ในวันนั้น นายสุฑฒิชัยฯ ได้ออกมารับฟังปัญหา พร้อมรับปากว่าจะดำเนินการตามที่ชาวบ้านร้องขอ และได้โทรศัพท์แจ้งนายบุญเลิศ เนตร์ขำ นายอำเภอบ้านหมอ ในขณะนั้น ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน ก่อนจะนำเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลฯ พร้อมชาวบ้านลงพื้นที่ทันที โดยได้ทำการรื้อถอนโครงเหล็กและกองทรายขนาดใหญ่ที่ถูกนำมาขวางถนนออก เพื่อเปิดเส้นทางให้ชาวบ้านได้ใช้สัญจรตามเดิม
อดีตนายกฯ ยันทำเพื่อส่วนรวม ไม่หวั่นโดนฟ้อง
เมื่อครั้งที่ชาวบ้านรวมตัวเรียกร้อง อดีตนายกฯเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการปิดถนนเส้นนี้ เพราะเจ้าของที่ดินรายใหม่ ซึ่งไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัด ได้มาปิดถนน ทั้งที่เจ้าของเดิมไม่เคยมีปัญหา นอกจากนี้ยังกล่าวเป็นนัยถึงความสัมพันธ์ของเจ้าของที่ดินกับอดีต สว. ทำให้หน่วยงานราชการดูเหมือนจะ “ไม่กล้า” ดำเนินการอย่างรวดเร็ว
“สิ่งที่ผมทำ ผมทำตามระเบียบกฎหมายที่ทำได้ เพราะประชาชนเดือดร้อน แม้กระทั่งตัวผมเองก็เดือดร้อน เวลาจะไปทำงานก็ต้องอ้อม รถก็เดินทางไม่สะดวก” นายสุฑฒิชัยกล่าว และยืนยันว่าถนนเส้นนี้ถูกใช้งานมาแล้วกว่า 70 ปี ใช้งบประมาณของทางราชการในการก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยกรรมการสุขาภิบาล แม้ในโฉนดที่ดินของเจ้าของใหม่จะไม่มีรูปถนน แต่ตนก็เห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงได้ทำเรื่องยื่นต่อศาลเพื่อให้มีการแบ่งแยกถนนออกเป็นทางสาธารณะในโฉนด เพื่อยุติปัญหาการร้องเรียน
อดีตนายกฯตุ้ยยังระบุอีกว่า ตนเคยเข้ารื้อถอนสิ่งกีดขวางมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ทางคู่กรณีก็ยังนำมาตั้งใหม่อีก โดยยืนยันว่าได้ประสานงานกับผู้ใหญ่ในพื้นที่และจังหวัดมาโดยตลอด ซึ่งทางจังหวัดก็ได้มีหนังสือจากผู้ว่าฯ สั่งให้เทศบาลดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ การรื้อถอนของตนถูกคู่กรณีแจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สิน ซึ่งเป็นกองดิน หินคลุก และเหล็กที่นำมาขวางถนน โดยนายสุฑฒิชัยเห็นว่าสิ่งกีดขวางเหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรถดับเพลิงหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
“เจ้าของที่นั้นไม่คิดถึงความเดือดร้อนหรือเหตุการณ์ล่วงหน้าเลย” นายสุฑฒิชัยกล่าวพร้อมชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีถนนที่มีปัญหาลักษณะเดียวกันในโฉนดถึง 5 เส้น ซึ่งถนนสายที่ถูกฟ้องร้องนี้เป็นเส้นทางลัดที่ชาวบ้าน ม.3 ใช้เดินทางไปวัดบ้านหมอ และมีประชาชนกว่า 600-700 คนได้รับความเดือดร้อน หากไม่ใช้เส้นทางนี้ ระยะทางจะเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลเมตร และถนนหน้าเทศบาลฯ ก็มีสภาพแคบและเป็นวันเวย์
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายสุฑฒิชัย วงษ์ไพร หรือนายกฯตุ้ย ได้เดินออกมาจากอาคารศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ออกมาด้านนอกเพื่อขอบคุณชาวบ้านบ้านหมอ ที่พากันมาให้กำลังใจถึงบริเวณหน้าศาลตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเมื่อชาวบ้านเห็นนายกฯตุ้ย ต่างพากันให้กำลังใจ ด้วยการกล่าวคำว่า นายกฯตุ้ย สู้สู้ ซึ่งถึงกับทำให้นายกฯถึงกับน้ำตาซึม และกล่าวขอบคุณกับชาวบ้านอีกครั้ง
ขณะที่นางสาวสมพร สุดสวาท อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.บ้านหมอ หนึ่งในชาวบ้านที่มาให้กำลังใจอดีตนายกฯตุ้ย เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจอดีตนายกฯ ที่ถูกฟ้องร้องจากการรื้อถอนแท่งแบริเออร์และลูกรัง ซึ่งเจ้าของที่ดินอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของตนเอง
“ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายหลักที่ชาวบ้านประมาณ 200 ครัวเรือนใช้สัญจรมานานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รวมถึงเส้นทางไปโรงเรียน” นางสาวสมพรกล่าว และย้ำว่าการที่เจ้าของที่ดินฟ้องร้องอดีตนายกฯ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางสัญจรสาธารณะมานานแล้ว และการปิดกั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของชาวบ้านอย่างมาก นอกจากนี้ นางสาวสมพรยังตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าของที่ดินเดิมไม่เคยมีปัญหา แต่เมื่อมีการเปลี่ยนมือเจ้าของ ก็มีการปิดกั้นทันที และตอนนี้ถนนก็กลับมาเปิดแล้ว เนื่องจากนายกคนปัจจุบันเป็นพี่น้องกันกับเจ้าของที่ดิน หากเป็นอดีตนายกตุ้ยก็คงจะถูกปิดกั้นอยู่เหมือนเดิม
นายสุฑฒิชัย วงษ์ไพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมองว่าการฟ้องร้องตนเพียงคนเดียว ทั้งที่ปัจจุบันทั้งตำรวจ ข้าราชการ และนักเรียนก็ยังคงใช้เส้นทางนี้อยู่ รวมถึงนายกคนปัจจุบันซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดินด้วยนั้น เป็นการกระทำสองมาตรฐานและเป็นเกมการเมืองที่ไม่ดี เพราะปัจจุบันถนนเส้นนี้ยังคงเปิดให้ชาวบ้านใช้สัญจรได้ตามปกติ
อดีตนายกฯ ยังได้ฝากถึงผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ให้เข้ามาดูแลและดำเนินการเรื่องการแบ่งแยกถนนสาธารณะในเขตเทศบาลบ้านหมอให้ชัดเจน เพราะหากมีใครมาดำรงตำแหน่งนายกนอกจากคนปัจจุบัน ก็จะต้องโดนข้อหาบุกรุกเช่นเดียวกับตน หากช่วยเหลือชาวบ้านและไม่เอื้อประโยชน์ให้เจ้าของที่ดิน
นอกจากนี้ ยังได้ฝากถึงผู้การตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ ผู้กำกับคนเก่าได้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเจตนาที่เราทำ จึงใช้ดุลยพินิจ ได้มีการสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวมาแล้ว หากแต่ผู้กำกับคนปัจจุบัน กลับสั่งฟ้องในคดีเดียวกันและเหตุการณ์เดียวกันกับก่อนหน้านี้ จึงอยากฝากถึงผู้การตำรวจ”ถ้าท่านมีลูกน้องเป็นผู้กำกับเป็นคนแบบนี้ ผมว่าท่านน่าจะพิจารณาตัวเองด้วยนะครับ” พร้อมแสดงความน้อยใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวิงวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรง เข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
ภาพ : สุประวีณ์ บุญธิคำ ข่าว : หิรัญยวัต อธิวัฒน์เดชากร ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสระบุรี