ตาม พระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปี 2525 พระองค์ได้ทรงประทับเก้าอี้ที่พสกนิกรชาวผู้ไทยบ้านโพน จ.กาฬสินธุ์ นำมาถวายเป็นเก้าอี้ทรงประทับในปัจจุบันยังถูกเก็บไว้ยาวนานถึง 43 ปี
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เก้าอี้นักเรียนตัวเล็ก ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ถึง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระองค์ได้ทรงประทับ ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดียาวนานกว่า 43 ปี ได้ถูกเก็บไว้ในบ้านของ นางคำใหม่ โยคะสี อดีตพระสหายของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบรมฉายาลักษณ์ที่ถูกถ่ายเก็บไว้ได้นำตั้งโชว์และสักการะบูชาเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าครั้งหนึ่งในปี 2525 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงเสด็จมายังบ้านหลังนี้และทรงฉายพระรูปร่วมกับพสกนิกรกลุ่มสตรีชาวผู้ไทยบ้านโพน ที่ ทอผ้าไหมแพรวา “ราชินีแห่งไหมของพระองค์”

นางกรรณิการ์ โยคะสิงห์ อายุ 56 ปี เลขที่ 65 หมู่ที่ 3 บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ บุตรคนที่ 2 ใน 7 คน ของแม่คำใหม่ โยคะสิงห์ พระสหายของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เปิดเผยว่า แม่ของตนเป็นหนึ่งในผู้ทอผ้าไหมแพรวาขึ้นถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต่อเนื่องจากในปี 2522 ได้มีการจัดตั้งศูนย์ศิลปชีพผ้าไหมแพรวาบ้านโพน เมื่อกลางปี 2525 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรชาวบ้านโพนพระองค์ได้บอกนายทหารองครักษ์ว่าจะไปเยี่ยมบ้านเพื่อนก็หมายถึงแม่ของตน ซึ่งก็ได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้ ระหว่างนั้นเนื่องจากในอดีตไม่มีเก้าอี้จึงได้ไปยืมเก้าอี้จากโรงเรียนและได้นำเก้าอี้ดังกล่าวมาถวายให้พระองค์ทรงประทับ โดยมีหลักฐานคือ พระบรมฉายาลักษณ์ที่ได้บันทึกเอาไว้เป็น ถ่ายรูปเอาไว้บริเวณใต้ต้นมะขามซึ่งอยู่ด้านหน้าของบ้าน
“ เก้าอี้ตัวนี้ได้ถูกเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ที่พระองค์ทรงมาประทับจึงมีอายุราว 43 ปี โดยได้นำขึ้นคลุมผ้าและบูชาไว้ภายในบ้านแต่หลังจากที่พระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรค์คาลัย จึงได้นำเก้าอี้ตัวนี้ออกมาแสดงให้กับพสกนิกรที่ต้องการตามรอย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
นางกรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เก้าอี้ทรงประทับจึงเป็นสิ่งที่ครอบครัวโยคะสิงห์ ปราบปลื้มปิติ หาที่สุดมิได้ เป็นเครื่องเตือนใจและเป็นที่เคารพศรัทธาว่าพระองค์ท่านได้มาพัฒนาส่งเสริมผ้าไหมแพรวา ของชาวไทยบ้านโพน จนได้มีการพัฒนาเป็นศูนย์ศิลปชีพได้รับการส่งเสริมกลายเป็นสินค้าชั้นนำเป็นราชินีแห่งผ้าไหมไทย ที่ พสกนิกชาวบ้านโพนจะร่วมกันรักษางานหัตถกรรมทอมือผ้าไหมวิจิตรแพรวาให้พัฒนาและคงอยู่สืบไป



































