วันนี้ 30 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.ได้จับกุมนายวรวัฒน์ฯ อายุ 35 ปี ครูสอนวิชาสังคมศาสตร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ. 573/2568 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 25568 ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยการกระทำแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล, พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ ซอยม้าศึก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เหตุการณ์กระทำชำเราเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ต่อมาสื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอว่า โรงเรียน ครู และเด็ก ที่เป็นข่าวอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับชาวกาญจนบุรี รวมถึงประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เป็นอย่างมาก
ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี (สพม.กาญจนบุรี) ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านเฟสบุ๊ก เรื่อง ชี้แจงกรณีข่าวครูล่วงละเมิดนักเรียนในค่ายลูกเสือ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เนื้อหาระบุว่า ตามที่ปรากฎข่าวเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ กรณีข่าวครู ล่วงละเมิดนักเรียนในค่ายลูกเสือ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เมื่อเช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2568 นั้น
ทั้งนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และโรงเรียนในสังกัด จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ขอแสดงความนับถือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี
หลังจากที่ สพม.กาญจนบุรี ออกแถลงการณ์ดังกล่าว มีสำนักข่าวในพื้นที่กาญจนบุรี ได้นำข้อมูลข้างต้นนำเสนอเผยแพร่ออกไป แต่ประชาชนก็ยังสงสัยในคำแถลงเนื่องจากไม่มีข้อมูลรายละเอียดทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็น ทั้งเชิงสงสัย เชิงเป็นห่วงบุตรหลาน เช่น
บางรายเข้าไปแสดงความคิดเห็น ว่า “เป็นข่าวปลอมที่จะรังแกค่ายลูกเสือใช่ไหมครับ หรือถ้ามีการล่วงละเมิดนักเรียนจริงมีการแจ้งความไว้ที่ตำรวจไหมครับใครพอจะทราบมั้ง” เลิกเข้าค่ายดีที่สุดค่ะกิจกรรมมีให้ทำเยอะแยะ” แล้วต่อไป นร.ไปเข้าค่ายจะปลอดภัยไหมคะ” ทำไมแถลงการณ์มันไม่เห็นจะตรงประเด็นเลย ถามอย่างแถลงการณ์อย่าง งง” เราไม่ให้ไปเด็กโตยิ่งไม่ปลอดภัยเกิดอะไรขึ้นก็จะออกมาแบบนี้ยิ่งคนจนยิ่งเงียบสรุปไม่ต้องไปอย่าเอาว่าไม่ไปไม่ได้คะแนนก็ช่างเถอะ”ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรน้อ
ในข่าวว่า “ครูล่วงละเมิด”แต่แถลงการณ์มาว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับข้าราชการครู”เอ้า ยังไง ค่ายสรุปปลอดภัยมั้ย ลูกต้องไปเข้าค่ายที่นี่อีกไม่กี่วันนี้”และ ตามประกาศ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับครูในสังกัด สพม. กาญจน์ครับ” เป็นต้น
ทั้งนี้นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวออกไป จังหวัดกาญจนบุรีไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยนางจันจิรา พัฒนศิริ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า เด็กคนดังกล่าว ชื่อเด็กชายเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ทางโรงเรียนดังกล่าวได้มีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยเดินทางมาเข้าค่าย ณ ค่ายลูกเสือ ในพื้นที่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 13 -15 มกราคม 2568
ต่อมาในคืนวันที่ 14 มกราคม 2568 เวลาประมาณเที่ยงคืน เด็กได้ถูกครูผู้ดูแล ชื่อนายวรวัฒน์ฯ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นครูผู้สอนวิชาสังคมศาสตร์ กระทำการอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศเด็กในที่พัก และข่มขู่ไม่ให้เด็กบอกเรื่องนี้กับใคร ต่อมาเด็กมีอาการเจ็บบริเวณทวารหนักและทนไม่ไหวจึงได้แจ้งผู้ปกครอง ทราบ ผู้ปกครองจึงได้นำตัวเด็กเข้าแจ้งความ ณ สถานีตำรวจภูธรด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี
และได้เข้ารับการสอบปากคำตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ณ สำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้พิจารณาออกหมายจับตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ จ. 573/2568 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 25568
ซึ่งสามารถจับตัวผู้กระทำความผิดและเข้าสู่ กระบวนการทางกฎหมายและอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงที่สถานีตำรวจภูธรด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนตัวเด็กชายเอ (นามสมมุติ) ปัจจุบันพักอาศัยอยู่กับผู้ปกครองในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร
โดยจากการสอบถามไปยังคุณครูประจำชั้น พบว่า วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เป็นการเปิดภาคเรียนเป็นวันแรก และเด็กชายเอฯ ได้มาเรียนตามปกติ เด็กมีสภาพจิตใจปกติ พูดคุยปกติ ไม่มีอาการ วิตกกังวลหวาดกลัวหรือซึมเศร้า ซึ่งครูประจำชั้นและนักจิตวิทยาได้ให้การดูแลสภาพจิตใจเด็กอย่างใกล้ชิด
การดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ฯ ตรวจสอบข้อมูลการยื่นขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญาที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ไม่พบการยื่นขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา จึงได้แจ้งสิทธิ์ที่เด็กชายเอฯ ควรได้รับผ่านครูประจำชั้น เนื่องจากครูประจำชั้นเป็นผู้ดูแลและพาเด็กมาเข้ารับการสอบปากคำตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา โดยเจ้าหน้าที่ฯ จะประสานงานกับทางครูประจำชั้น เพื่อติดตามการช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวงฯ ต่อไป
////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์
