
นายสวัสดี วาหะรักษ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านบางพัฒน์ ม.8 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา จ.พังงา นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านบางพัฒน์ โดยได้นำชมนิทรรศการ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยในหลวง ในขณะทรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จมาเยี่ยมราษฎรในวันที่ 12 เมษายน 2544 ซึ่งได้สร้างความปลาบปลื้มให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งในขณะนั้นบ้านบางพัฒน์เป็นหมู่บ้านที่มีความลำบากมาก ทั้งในด้านการสัญจรไปมา เรื่องไฟฟ้าและการทำมาหากิน ด้วยเป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะเป็นเกาะอยู่ในทะเลริมอ่าวพังงา แต่หลังจากพระองค์ท่านได้เสด็จกลับ ความเจริญต่างๆก็เริ่มเข้ามาสู่หมู่บ้าน จนปัจจุบันได้กลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ริมทะเล ที่แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากินซีฟู้ดสดๆพักผ่อนโฮมสเตย์ พร้อมกับช้อปปิ้งของฝากในชุมชนติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทำให้พลิกจากในอดีตที่คนในหมู่บ้านต้องไปหางานทำข้างนอก ปัจจุบันทุกคนต่างมีอาชีพมีรายได้โดยไม่ต้องจากบ้านไปไหน
นายสวัสดี วาหะรักษ์ เปิดเผยว่า หมู่บ้านบางพัฒน์ เดิมชื่อบ้านบางลิง เป็นหมู่บ้านที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมีความลำบากมาก ประชากร ลำบากในทุกๆด้าน ป่าชายเลนในชุมชนได้ถูกทำลายลงจากการทำเหมืองแร่ในทะเลจากนั้นชาวบ้านบางพัฒน์ได้ร่วมกันอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลนที่เคยถูกทำลาย จนกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งจนได้รับธงอนุรักษ์ป่าจากพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ใน ปีพ.ศ. 2540 จากนั้นพระองค์ท่านได้เสด็จมาพร้อมกับในหลวงรัชกาลที่ 10 ในขณะทรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ในปี 2544 ทรงเยี่ยมเยียนราษฎรและทรงปลูกต้นไม้ ปล่อยพันธ์สัตว์น้ำเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ชาวบ้านที่ช่วยกันดูแลและอนุรักษ์ดูแลรักษาป่ามาโดยตลอด จากนั้นหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการพัฒนาจนเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวตัวอย่างหลังจากพระองค์ท่านได้เสด็จมา หมู่บ้านก็มีความเจริญแบบก้าวกระโดด มีเศรษฐกิจ รายได้เพิ่มขึ้น มีความอยู่ดีกินดี จนเป็นหมู่บ้านที่มีคนรู้จักทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมธรรมชาติและทานอาหารซีฟู๊ด จนปัจจุบันพูดกันว่า ถ้ามาพังงาแล้วมาไม่ถึงบ้านบางพัฒน์ถือว่ามาไม่ถึงพังงา
ตนเองเมื่อทราบข่าวว่าท่านสวรรคต ก็รู้สึกตกใจ ใจหายและเหมือนหมดกำลังใจเป็นอย่างมาก ในวันที่ท่านเสด็จมาที่บ้านบางพัฒน์นั้นตนได้ถวายรายงานอย่างใกล้ชิด พระองค์ท่านทรงตรัสว่า “ถ้าใครมาในชุมชน ก็ชวนเขาไปปลูกป่าอย่างน้อยคนละ1ต้น เพราะปลูกป่าไม่ใช่ได้แต่ป่าแต่ได้อย่างอื่นด้วย กุ้งหอยปูปลานานาชนิดจะมาวางไข่ในป่าชายเลน มาอนุบาลในป่าชายเลน เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาเราก็จะได้จับมาเป็นอาหารเมื่อเหลือก็ขายได้”นอกจากนั้นท่านได้ดำริให้สร้างวอล์กเวย์ชมป่าชายเลนระยะทาง 843เมตร และโครงการธนาคารข้าวในหมู่บ้าน



































