ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำ นายตำรวจระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และทีมคลี่คลายคดีตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ ผลการทะลายแก๊งข่ายสแกมเมอร์ และสกัดทุนเวียดนามเทา รวมถึงติดตามจับปูกลุ่มคนไทยเปิด บริษัทเป็นบัญชีม้าเทา หลายพื้นที่ ขานรับนโยบายการปราบปรามครั้งใหญ่และเตรียมระบบการป้องกันประชาชนตกเป็นเหยื่อ
พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 ในฐานะผอ.ศปอส.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ภ.7 พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมได้ขับเคลื่อนงานปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของ นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ ผบก.ภ.จว. ในสังกัด ภ.7 และ ผบก.สส.ภ.7 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกมิติ ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 (รวม 7 วัน) โดยมีเป้าหมาย 7 ด้านในการสืบสวนโดยผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จับกุมได้จำนวน 561 คดี ประกอบด้วย คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญจำนวน 4 คดี คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 14 ประเภท จำนวน 195 คดี ซิมผี บัญชีม้า ตาม พ.ร.ก.มาตรการฯ จำนวน 38 คดี การจับกุมMoney Cash Back จำนวน 28 คดี เป้าหมายจาก War Room (ใหม่) จำนวน 2 คดี และคดีทางเทคโนโลยีอื่นๆ จำนวน 294 คดี

สำหรับผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จับกุมคดีสำคัญที่นำมาแถลงในวันนี้ประกอบด้วย
- ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม โดย พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสามพราน แถลงผลการดำเนินคดีทลายเครือข่ายสแกมเมอร์ “ซุ้มอรัญ” จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม โดย สถานีตำรวจภูธรสามพราน คดีสกัดทุนเวียดนามเทา จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “รับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ซึ่งพล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม โดย สถานีตำรวจภูธรสามพราน คดีฉ้อโกงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” พร้อมของกลาง เงินสด 358,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร โดย พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร แถลงผลการทลายคอกม้าต่างด้าว จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า“เป็นธุระจัดหา โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” “จำหน่ายโดยมีไว้ในความครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง ยาบ้า 64 เม็ด สมุดบัญชีธนาคาร 73 เล่ม บัตร ATM 136 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง
พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 สั่งการให้ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 จับกุมเว็บพนันออนไลน์ “Wink333” จับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือโฆษณา หรือชักชวน โดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต พนันเอาเงินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันฟอกเงิน”
ตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุมเว็บพนันออนไลน์ “Lavabet555” เงินหมุนเวียนกว่า 637 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือโฆษณา หรือชักชวน โดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต พนันเอาเงินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันฟอกเงิน” ของกลาง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ บัตร ATM และ War Room PCT แจ้งเตือนช่วยเหลือผู้เสียหาย จำนวน 3 ราย
สถานีตำรวจภูธรพนมทวน จว.กาญจนบุรี ความเสียหาย 196,913 บาท
พฤติการณ์ ผู้เสียหายถูกหลอกให้ซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 17 จาก Facebook ชื่อ “พี่พิมพ์แม่ค้าออนไลน์ 100 ล้าน” ในราคา 990 บาท โดยหลอกให้โอนค่าดำเนินการต่างๆ
ตำรวจภูธรภาค 7 ได้รับข้อมูลจาก War Room สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังจากที่ผู้เสียหายได้โอนเงินไปแล้ว และในวันที่ผู้เสียหายกำลังจะโอนเงินอีกจำนวน 80,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาประสานเหตุการณ์ไว้ได้ทัน จึงไม่ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปเพิ่มอีก และผู้เสียหายได้มาแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สภ.พนมทวนเรียบแล้ว สุดท้ายนี้ได้รับคำขอบคุณจาก ผู้เสียหาย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เข้ามาช่วยเหลือแนะนำยับยั้งการทำธุรกรรมโอนเงินให้กับคนร้ายได้ทันท่วงทีทำให้ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปมากกว่านี้
สถานีตำรวจภูธรหัวหิน จว.ประจวบคีรีขันธ์ ความเสียหาย 20,372 บาท พฤติการณ์ ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินจากเพจ Facebook ชื่อ “อาจารย์เอจักรพรรดิ” โดยบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับเงินรางวัล และให้ส่งเลขบัญชีไปให้เพื่อรับเงิน แต่หลอกให้โอนเงินไปเป็นค่าดำเนินการ ตำรวจภูธรภาค 7 ได้รับข้อมูลจาก War Room สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การทำธุรกรรมการโอนเงินไปยังบัญชีม้าคดีออนไลน์ พบว่าผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีม้าคดีออนไลน์ จึงได้เข้าช่วยเหลือและผู้เสียหายได้มาแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สภ.หัวหินแล้ว สุดท้ายนี้ได้รับคำขอบคุณจาก ผู้เสียหาย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เข้ามาช่วยเหลือแนะนำยับยั้งการทำธุรกรรมโอนเงินให้กับคนร้ายได้ทันท่วงทีทำให้ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปมากกว่านี้
สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง จว.ราชบุรี ความเสียหาย 2,942,856 บาท
พฤติการณ์ ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินลงทุนเกี่ยวกับสินค้าประเภทชุดชั้นในยี่ห้อ Orbix ซึ่งผลกำไรจะมาจากการผลักดันสินค้า ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อผลักดันสินค้า
ตำรวจภูธรภาค 7 ได้รับข้อมูลจาก War Room สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการเฝ้าระวังการทำธุรกรรมการโอนเงินไปยังบัญชีม้าคดีออนไลน์ จึงเข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเงินไปแล้วกว่า 3 ล้านบาท เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งเตือนและช่วยประสานธนาคาร จึงอายัดเงินไว้ได้ 500,000 บาท ผู้เสียหายขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เข้าช่วยเหลือ แนะนำ ยับยั้งการหลอกให้ทำธุรกรรมโอนเงินได้ทัน
โดย พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องของกระบวนการแก๊งค์สแกรมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางรัฐบาลได้หยิบยกมาเป็นวาระใหญ่ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจัง โดยตอนนี้ตำรวจภูธรภาค7ได้มีการขอรับนโยบายจากรัฐบาล โดยมีการประสานงานและความร่วมมือกันหลายฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ภาคเอกชนเช่นธนาคาร และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีการบูรณาการในการป้องกันและติดตามจับกุมแก๊งดังกล่าวให้จบสิ้น โดยนับจากนี้จะมีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการดำเนินการ และขอเตือนให้ประชาชนใช้สติ ในการรับฟังข้อมูลหรือหลงเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มของคนพวกนี้ ซึ่งหากพลาดพลั้งก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ง่าย



































