
ณ อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ดินแดนที่อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งผ้าไหมมัดหมี่อันวิจิตรงดงาม ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่สะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณของ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงได้รับการถวายพระสมัญญาอันสูงสุดว่า “พระมารดาแห่งไหมไทย” สถานที่อันเปี่ยมคุณค่านี้คือ “พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา มหาราชินี” ตั้งอยู่ภายใน วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่หลอมรวม “พระราชปณิธาน” เข้ากับ “การเรียนอาชีพ” ได้อย่างงดงาม

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่องสว่างอยู่ในทุกหัวใจของคนอาชีวะ พระองค์ทรงให้คุณค่าแก่ภูมิปัญญาไทย และทรงชี้ให้เห็นว่าการทอผ้าไหม ไม่ใช่เพียงงานศิลป์ แต่คือชีวิตของผู้คน คืออาชีพที่สร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชน อาชีวศึกษาจึงน้อมนำแนวพระราชดำริมาสู่การปฏิบัติ ทั้งในห้องเรียนและในพื้นที่จริงทั่วประเทศ
สอศ. ได้น้อมนำแนวคิด “เรียนรู้จากการลงมือทำ” ตามแนวพระราชดำริของพระองค์ มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในทุกสาขาอาชีพ ไม่เพียงเฉพาะด้านศิลปาชีพหรือผ้าไหมเท่านั้น แต่ยังขยายผลสู่สาขาอาหาร แฟชั่น ยานยนต์ เกษตร และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนเห็นว่าทุกงานฝีมือมีคุณค่า หากทำด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์และตั้งใจจริง
โดยเฉพาะที่ ศาลาไหมไทย แห่งนี้ ได้บูรณาการองค์ความรู้จากอดีตสู่ปัจจุบัน นักเรียนอาชีวะจะได้เรียนรู้ครบวงจร ตั้งแต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การสาวไหม การย้อม การออกแบบลวดลาย ไปจนถึงการสร้างแบรนด์และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไหมไทย ผ่านหลักสูตร ผู้ประกอบการอาชีวศึกษา เพื่อสานต่อพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม
นายยศพล เวณุโกเศศ กล่าวต่อว่า พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธาน เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา พระบรมราชินีนาถ ที่นี่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูอาชีพทอผ้าไหม พร้อมรวบรวมผลงานหัตถศิลป์ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเป็นรากฐานแห่งพระเมตตา สู่แหล่งเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่
นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแล้ว ยังเป็น “ห้องเรียนจริง” สำหรับนักเรียนอาชีวศึกษาในหลายสาขา ทั้งด้านแฟชั่น การตลาด การผลิต และนวัตกรรมสิ่งทอ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ไหมไทยร่วมสมัยที่พร้อมก้าวสู่ตลาดโลก
“เราต้องการให้ศาลาไหมไทยเป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์ แต่เป็นศูนย์สร้างผู้ประกอบการหัตถศิลป์ยุคใหม่ ที่คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ทั้งคุณค่าทางศิลปะและแนวคิดทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน” นายยศพล เวณุโกเศศ กล่าว
จากภูมิปัญญาสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ วันนี้ ไหมไทย ไม่ได้เป็นเพียงผ้าทอพื้นบ้านอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอัตลักษณ์ไทยที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
อาชีวศึกษามีบทบาทสำคัญในการ “ต่อยอดศิลปาชีพ” สู่ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” โดยบ่มเพาะผู้เรียนให้เป็นทั้ง ช่างฝีมือและผู้ประกอบการ ที่สามารถเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับความต้องการของตลาดโลก
“ใต้ร่มพระบารมี” พระองค์ทรงสอนให้เรารู้จักคุณค่าของงานหัตถศิลป์ และเห็นว่าศิลปาชีพคือหัวใจของการพัฒนาชีวิตคนไทย อาชีวศึกษาจะน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์ มาสานต่อเป็นพลังแห่งการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างคนดีให้ประเทศต่อไป
พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย เปิดห้องจัดแสดงใหม่เพื่อเผยแพร่เรื่องราวและคุณค่าของผ้าไหมมัดหมี่และผ้าไทย “สืบสานหัตถศิลป์ ใต้ร่มพระบารมี” ได้แก่
• ห้องบรมกษัตริยาราชภูษิตราพระพันวษาราชนิยม จัดแสดงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านการอนุรักษ์ศิลปาชีพ พร้อม “ชุดไทยพระราชนิยม” ทั้ง 8 แบบ
และ “เสื้อพระราชทาน” สำหรับบุรุษ ผลิตจากผ้าไหมมัดหมี่ชาวอำเภอชนบท
ไฮไลต์: กำแพงผ้าไหมมัดหมี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมผ้าไหมลายโบราณและลายอนุรักษ์กว่าร้อยผืน ฝีมือช่างท้องถิ่น
• ห้องราชพัตราภรณ์ชลบทนิกรบวรหัตถศิลป์ แสดงชุดผ้าไหมที่ได้แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ของพระราชวงศ์ไทย ถ่ายทอดกระบวนการผลิตผ้าไหมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
• ห้องสมณภูษาพุทธศาสนาโลกนาถ นำเสนอผ้าในพระพุทธศาสนา ทั้งในพิธีกรรม พุทธศิลป์ และหัตถศิลป์ มีพื้นที่สำหรับนั่งสมาธิและฟังเสียงคำสอนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม
• ห้องโถงประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่นและเมืองชนบท หรือ “โฮงมั่งมูลมรดกเมืองชลบทวิบูลย์”
จัดแสดงผ้าไหมมัดหมี่จำลองการแต่งกายบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์
พร้อมสื่อจำลองเหตุการณ์กำเนิดเมืองขอนแก่นและเรื่องราวเมื่อกว่า ๑๒๐ ปีก่อน
“น้อมรำลึก – สืบสาน – ต่อยอด” จึงขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา มหาราชินี ณ วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
แหล่งเรียนรู้และสืบสานพระราชดำริด้านผ้าไหมมัดหมี่ เพื่อร่วม “น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ”
และ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” งานในพระราชดำริขององค์ พระมารดาแห่งไหมไทย
กลุ่มประชาสัมพันธ์ 7 พฤศจิกายน 2568



































