สกลนคร เริ่มโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่ต้นน้ำหนองหาร

วันที่ 8 กันยายน 2564 ที่โรงแรมสกลแกรนด์พาเลซ อ.เมือง จ.สกลนคร นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ รอง ผวจ.สกลนคร เป็นประธานการประชุมสัมมนาการศึกษาความเหมาะสม สำรวจออกแบบและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่ต้นน้ำหนองหาร ครั้งที่ 2 โดย นายชูชาติ นารอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 3 กรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่าหนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ เป็นบึงน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นอันดับที่สองของประเทศรองจากบึงบรเพ็ด เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ทั้งด้านการเกษตร การประมง การใช้อุปโภคบริโภค การท่องเที่ยวและขนบธรรมเนียมประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศบาลเมืองสกลนครซึ่งใช้หนองหารเป็นแหล่งน้ำดิบเพื่อทำประปาและแหล่งรองรับน้ำทิ้งจากตัวเมือง

หนองหาร มีลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ประมาณ 77,016 ไร่ ความลึกเฉลี่ยประมาณ 3.0-4.0 เมตร หนองหาร มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปีประมาณ 1,600 มิลลิเมตร และมีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ย 561.07 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อปี ปริมาณน้ำท่าส่วนใหญ่เกิดในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม และมีปริมาณมากที่สุดในเดือนกันยายน แหล่งต้นน้ำที่ไหลลงสู่หนองหารประกอบด้วยสายน้ำ 21 สาย ที่นำน้ำเข้าสู่หนองหารในช่วงฤดูฝน และมีลำน้ำก่ำเป็นที่ระบายน้ำออกจากหนองหารทางด้านทิศใต้ ไหลลงแม่น้ำโขงที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ปัจจุบันหนองหารประสบปัญหาความเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำ คุณภาพน้ำที่เคยใช้อุปโภค-บริโภคของประชาชนที่อยู่โดยรอบ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เหมือนในอดีต มีปัญหาการขยายตัวของวัชพืชผิวน้ำและใต้น้ำ ปัญหาการทับถมของตะกอนดิน ทำให้เกิดความตื้นเขิน ตลอดจน ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ทำสัตว์น้ำมีปริมาณลดลง เป็นต้น

นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ รอง ผวจ.สกลนคร กล่าวว่า นับว่าเป็นโอกาสดี ที่กรมทรัพยากรน้ำ ได้มาชี้แจงให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบถึงข้อมูลของการศึกษาโครงการ เช่น สำรวจออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ต้นน้ำหนองหาร นำไปพิจารณาดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งก่อนนี้ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่และ ครม.อนุมัติงบให้ทำการฟื้นฟูหนองหาร กว่า 7,000 ล้านบาท มีการตั้งคณะทำงานออกเป็น 4 คณะ เพื่อทำการรังวัดแนวเขตของหนองหาร ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการบริหารจัดการน้ำไว้ใช้และเพื่อการประมง และคณะทำงานในด้านศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงกันเพื่อให้เป็นผลดีเกิดประโยชน์สูงสุด

/วัฒนะ แก้วก่า / สกลนคร