
ที่จังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดระนอง ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่ ตงปากน้ำระนอง ว่าพบเห็นเรือหางยาวขับมาจากจังหวัดเกาะสองประเทศเมียนมา โดยในเรือมีชายฉกรรจ์พร้อมสัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้า ขับมาจอดท่าน้ำซึ่งเป็นป่าละเมาะติดกับแพปกิจไพศาล จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าวได้วิ่งจากเรือ ไปหลบว่อนอยู่ใต้พุ่มไม้ ในพื้นที่ บ้านเขานางหงส์ ม.5 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง
เมื่อทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานทั้ง ตร.สภ.ปากน้ำระนอง ศรชล.ระนอง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 25 และฝ่ายปกครอง ได้ระดมกำลังจำนวนหลายสิบนาย จากนั้นกระจายกำลังกันออกค้นหาตามพุ่มไม้และพื้นที่ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่สามารถหลบซ่อนจากสายตาเจ้าหน้าที่ได้ โดยใชเวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พบชาวเมียนมาจำนวน 7 คนเป็นผู้ชายทั้งหมดนอนแอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เจ้าหน้าจึงให้ทั้งหมดออกมา ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเอกสารเดินทางเข้าไทยหรือเอกสารการทำงานในประเทศไทย จึงนำทั้ง 7 คน มาทำการสอบสวนที่ สภงปากน้ำระนอง

จากการสอบสวนโดยผ่านล่ามชาวเมียนมา ทั้ง 7 คน ให้การว่าเดิมอยู่ที่จังหวัดเกาะสอง แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองอยู่รอบนอกซึ่งเป็นพื้นที่ชนบท มีอาชีพทำสวนและรับจ้าง ส่วนสาเหตุที่ต้องหลบหนีเข้ามาใจจังหวัดระนอง โดยจ้างเรือหางยาวชาวเมียนมาให้มาส่ง สาเหตุจาก ช่วงนี้ในพื้นที่ซึ่งพวกตนอาศัยอยู่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมาก ไม่มีการรักษาเหมือนกับประเทศไทย และส่วนอีกสาเหตุหลักที่ชาวเมียนมาทั้ง 7 อ้างที่จะต้องหลบหนีออกมาจากประเทศตนเอง เนื่องจากช่วงนี้ทางเมียนมามีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนมีการปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับทางการอย่างหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ชนบท ส่วนใหญ่กลัวตายจึงต้องพยายามหลบหนีออกมาจากบ้านเกิดของตนเอง มาเสี่ยงที่เมืองไทยดีกว่าตายอยู่ที่บ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post