ยังไม่ออกหมายจับขบวนการขโมยรังนกอีเอ่นขณะผู้ว่าส่งคนเจรจานายกอบจ ขออย่าส่งมาไล่ จะขอย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ปลายเดือนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง วันนี้ 3ตุลาคม 64  จากกรณี คนร้ายเข้าขโมยรังนกในหมู่เกาะสี่เกาะห้า อ.ปากพะยูนจ .พัทลุง ในช่วงว่างเว้นสัมปทาน ทั้งที่มี เจ้าหน้าที่ฝ่าปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ อบจ.พัทลุง  โดย มี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ลงลุยคดีดังกล่าวด้วยตนเอง หลังจากมีมีกลุ่มคนร้ายเข้าไปขโมยรังนก ลำลายพันธุ์นก ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุดในส่วนของความคืบหน้าของคดีจนถึงวันนี้ ยังไม่มีการออกหมายจับคนร้ายหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแม่แต่อย่างได้ โดยชั้นพนักงานสอบสวนยังคงรอ สอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐชุดเฝ้าเกาะรังนก 140 นาย  ตามรายชื่อที่คณะกรรมการจัดเก็บรังนกอีเอ่นพัทลุง ส่งมาให้

ด้านนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง และชมรมพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง ที่ออกมาเรียกร้องให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ออกมารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และขอย้ายตัวออกนอกพื้นที่ก่อนที่ถูกกลุ่มชาวบ้านขับไล่ ด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง แม้จะออกมายืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อเนื่อง แต่ล่าสุดได้เข้าพบนายก อบจ.พัทลุง เพื่อพูดคุยและหาทางออกโดยการ ขอย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ และรอตามคำสั่งของ กระทรวงมหาดไทย ในช่วงปลายเดือนตุลาคม นี้    

จากกรณีที่ผู้ต้องสงสัยในคดีรังนกได้เข้ามอบตัวกับทีมสืบสวนสอบของ รอง ผบ.ตร  และถูกกันเป็นพยาน 1 รายนั้น ได้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยยอมรับว่า ที่ลงไปสำรวจเกาะรังนกพร้อมกับคณะกรรมการก่อนวันส่งมอบเกาะ ทางกรรมการเชิญไปในฐานะผู้เชี่ยวชาญ   แต่เมื่อหมดสัญญาและเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่รัฐดูแล ได้รับคำสั่งจากกรรมการนายหนึ่งให้เข้าขโมยรังนก โดยมี ผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนขับเรือไปส่งตามถ้ำต่างๆ จำนวน3 เกาะ เพื่อเข้าขโมยรังนกแล้วแบ่งรายได้ให้กรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าเกาะ ขณะผู้ต้องสงสัย และเกี่ยวโยงกับการขโมยรังนก หลายคนวิ่งเข้าหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่ให้เอาผิดและดำเนินคดี

ขณะเดียวกันพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร เตรียม ลงพื้นที่ จ.พัทลุง  พร้อมนายตำรวจชุดสอบสวนของ สตช.จะเพื่อร่วมประชุมก่อนจะมีการยื่นเอกสาร หลักฐานด้านต่างๆยื่นขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดพัทลุง ซึ่งประกอบด้วย จนท.รัฐ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น ที่มีชื่อเสียง ทั้งในและต่างจังหวัดมีไม่น้อยกว่า 30 ราย 

อย่างไรก็ตามในวันนี้  3 ตุลาคม 64 เวลา  11.00  น. ที่  สภ.เมืองตรัง  นายพิพัตร  อมรวัตพงศ์   ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทสยามเนสท์  2022  จำกัด  เข้าแจ้งความต่อ  พ.ต.ท.เมธี  ภิญโญประการ  สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองตรัง  เพื่อให้ดำเนินคดีกับสถานีโทรทัศน์ NEWS 1 ในลักษณะที่ทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย  ซึ่งเป็นการใส่ความ  ใส่ร้าย  และเป็นความเท็จ อันเป็นการหมิ่นประมาทต่อบริษัทสยามเนสท์2022 ด้วยการโฆษณา ทางเวปไซร์ และทางช่องยูทูป  อาทิ   ใส่ความว่าบริษัท เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์  มีการหลอกลวงสร้างข่าวการขโมยรังนกไปจากเกาะรังนก เพื่อล้ม  ผวจ.พัทลุง ซึ่งเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย  การใส่ความว่าบริษัทกุข่าวหรือสร้างข่าว  ว่ารังนกภายในถ้ำได้สูญหายไป และมีการก่อไฟไล่นกอีแอ่นในช่วงปลอดผู้รับสัมปทาน ทั้งๆที่ข่าวดังกล่าวเป็นความจริง  ซึ่งในวันส่งมอบเกาะรังนกนั้นได้มี  ข้าราชการและสื่อมวลชน ได้เข้าร่วมตรวจสอบด้วย

นอกจากนั้นสื่อช่อง NEWS 1 ได้รายงานข่าวในรายการถอนหมุด ถึง2 ครั้ง ยังใส่ความบริษัทว่าทางบริษัทฯเป็นผู้แทงหรือเก็บรังนก 3-4 ครั้งในช่วงก่อนได้รับสัมปทาน  โดยไม่แจ้งให้ทางจังหวัดทราบ  ก็ด้วยเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าอากรหรือภาษีให้กับทางราชการ  ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นความเท็จ  เพราะบริษัท เพิ่งจะได้รับสัมปทานการจัดเก็บรังนกฯเมื่อวันที่  9 กันยายน  2564  และมีการจัดเก็บในครั้งแรกเมื่อเดือน กันยายน  2564  ที่ผ่านมา  และมีการแจ้งให้ทางจังหวัดได้รับทราบด้วย    และการใส่ความว่ารังนกอีแอ่นที่เชื่อว่าเป็นยาชูกำลังชั้นยอด  มีมูลค่าสูงดั่งทองคำตามคำนิยามของคนจีนนั้น  ความจริงแล้วไม่ได้มีตัวยาวิเศษใดๆเป็นส่วนผสมเลย  แต่บริษัทเข้าประมูลให้ค่าสัมปทานสูงถึง  400  ล้านบาทนั้นเป็นการเสนอข่าวโดยมีเจตนาจงใจทำให้บริษัทผู้แจ้ง หรือผู้กล่าวหาได้รับความเสียหาย  รวมทั้งประเทศชาติเพราะรังนกอีแอ่นเป็นทรัพยากรของชาติที่มีมูลค่ามหาศาล  สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติในแต่ละปีหลายพันล้านบาท  สร้างรายได้ให้กับประชาชนชาวพัทลุง  และจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ  จึงแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทผู้จัดการ 360 จำกัด โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นประธานบริหาร นายปรเมนทร์ ภักดิ์วาปี  เป็นผู้อำนวยการสถานี  

ทางตัวแทนบริษัท จึงเข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยที่ 1 นายจิตินาถ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยที่ 2 นายปรเมนทร์ ภักดิ์วาปี  เป็นจำเลยที่ 3  และจำเลยที่ 4 เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้กระทำผิดในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาและขำข้อมูลอันเป็นเท็จ ลงสู้ระบบคอมพิวเตอร์  จนถึงที่สุด พร้อมทั้งนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดส่งให้พนันงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป