วันที่ 14 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสามัคคีถ้าเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดจากผู้นำชุมชน ที่เล็งเห็นความสำคัญของลูกบ้าน อย่างเช่นพิเชษฐ์ อุทัยรังษี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลปาล์มพัฒนาอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ที่มีอุดมการณ์ชัดเจน นั่นคือ ใส่ใจความสุขของประชาชน เป็นที่หนึ่ง และการดำรงอาชีพแก่ลูกบ้านด้วย ในสถานกาณ์ ของโควิด – 19 นี้ ต้องสร้าง ความรัก ความสามัคคี รวมทั้งการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ประเพณีดั้งเดิมของคนไทย และชาวใต้ โดยใช้ แกระ เกี่ยวข้าว
สำหรับในพื้นที่ 8 ไร่เศษๆกลางสวนปาล์มใช้พื้นที่ว่างตรงนี้ได้ปลูกข้าว จนมาถึงปัจจุบัน ต้นข้าวโตออกรวงสวยงาม ทางผู้ใหญ่บ้านจึงสร้างกิจกรรมด้านความรัก ความสามัคคีในหมู่บ้านแห่งนี้ นั้นคือกิจกรรม “ลงแขกเก็บเกี่ยวข้าวไร่ประจําปี 2564 “ ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลปาล์มพัฒนาอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล โดยงานนี้ถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ได้เชิญทางพระครูโสภณปัญญาสารเจ้าคณะอำเภอมะนัง พร้อมเจ้าคณะตำบลนิคมพัฒนา และชมรมอิหม่ำ อำเภอมะนัง ได้ร่วมกันลงแขกเก็บเกี่ยวข้าวไร่ และยังได้มีผู้ใหญ่ ในระดับนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายอำเภอมะนัง เกษตรอำเภอมะนัง ร่วมลงแขก ใช้แกระเกี่ยวข้าวด้วย
กิจกรรมลงแขกเก็บเกี่ยวข้าวไร่ในครั้งนี้ มีการใช้เครื่องมือโบราณที่ชาวใต้เรียกว่า แกระ “แกระเกี่ยวข้าว” มรดกภูมิปัญญาทางด้านการเกษตรชนิดหนึ่งของชาวนาในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดสตูล ที่มีอายุมานานนับ 100 ปี ซึ่งกำลังจะสูญหายไป
“แกระเกี่ยวข้าว” เป็นอุปกรณ์ทางด้านการเกษตรชนิดหนึ่งของชาวนาในพื้นที่จังหวัดสตูล และภาคใต้ ที่ใช้ในการเก็บเกี่ยวรวงข้าวที่กำลังสุกอร่ามตามท้องทุ่ง ด้วยภูมิปัญญา นำเหล็กมาตีเป็นใบมีด ก่อนนำขึ้นรูปบนแผ่นไม้ที่บางและเบา นิยมใช้ไม้แคนาและไม้พระญาสัตตบรรณ ตามด้วยด้ามไม้ไผ่และใส่ลิ่มก่อนเป็นตัวแกระนำไปเก็บข้าว ถือว่าเป็น เครื่องมือที่ใช้เก็บข้าว สร้างความสนุกสนานและความสามัคคีในกลุ่มชาวบ้านของชุมชนแห่งนี้ได้ไม่น้อย
สำหรับพื้นที่แห่งนี้ มีการปลูกข้าวไร่จำนวน 8 ไร่เป็นการปลูกข้าว พันธุ์ดอกพะยอมจำนวน 6 ไร่และข้าวเหนียวดำ จำนวน 2 ไร่ เป็นแปลงนาข้าวสาธารณะ ของทุกคนในหมู่บ้าน ผลผลิตที่ได้มาจำหน่ายให้กับพี่น้องในหมู่บ้านในราคาถูกรวมทั้งแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในหมู่บ้านฟางที่เหลือให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคในพื้นที่เพื่อใช้เป็นอาหารลดต้นทุนด้านการผลิต
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บอกว่านาข้าวแห่งนี้เสมือนคลังอาหารของคนในหมู่บ้านซึ่งมีทั้งปาล์มน้ำมันรวมอยู่ด้วย ผลผลิตที่ได้มาก็จะมาจุนเจือคนในหมู่บ้านและจำหน่ายในราคาถูกโดยวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบในการทำนาข้าวและสืบสานอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมให้กับลูกหลานได้เรียนรู้ผลผลิตที่ได้ นำไปสีด้วยเครื่องสีข้าวของหมู่บ้าน อีกทั้งเป็นการร่วมมือร่วมใจกันของพี่น้องพุทธและมุสลิมตามวิถีการดำเนินชีวิตของหมู่บ้านที่ว่าชาวพุทธใจงามอิสลามใจดีตามวิถีพหุวัฒนธรรม
นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวชื่นชมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เป็นการร่วมแรงร่วมใจอันแรงกล้าของพี่น้องกลุ่มเกษตรกรที่ได้ปรับพื้นที่สาธารณะว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดในหมู่บ้านชุมชนจนมีการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชนพร้อมน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาร่วมสืบ สานรักษา ต่อยอด ของในหลวงรัชกาลปัจจุบันมาปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปประธรรมและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหมู่บ้านชุมชนอื่นต่อไป และที่สำคัญกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการสร้างความรักความสมัครสมานสามัคคีในหมู่คณะได้อย่างลงตัว สอดรับกิจกรรมพุธใจงามอิสลามใจดีของหมู่บ้านได้อย่างยอดเยี่ยมพร้อมขอชื่นชมทุกฝ่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อนจนประสบความสำเร็จด้วยดี
และยังพบสีสันประโยนช์จากต้นข้าวที่เป็นต้นยาวเล็กๆ พบว่า สามารถนำมาใช้ทำ นกหวีดเสียงดัง จากต้นข้าวได้อีกด้วย ต้นข้าวเมื่อตัดออกมาใช้แกระ เป็นท่อนเล็กๆ พบต้นข้าวเป็นปล้องๆมีรูตรงกลางตัดระหว่างกลางให้แตก จากนั้นสอดต่อกัน และลองเป่าดูจะเสียงดังดีไพเราะ เป็นนกหวีด และนอกจากนี้ สอบถามชาวเกษตรกรบอกว่า เมื่อก่อนชาวนาทางภาคใต้ ใช้แกระเกี่ยวข้าวแล้วนั้น มักจะพาเด็กๆมานอนไกวเปลที่ศาลาริมขอบนา เด็กๆจะเล่นพลาง บนศาลาก็เป่านกหวีดที่จากปล่องต้นข้าว พ่อแม่เกี่ยวข้าว มักไม่มีเวลาดูลูกแต่เสียงนกหวีดดังจากลูกหลานเป่าเล่นก็คลายความกังวล กลัวลูกหลานไปเล่นที่อื่นแล้วหาย หรือบาดเจ็บได้
Discussion about this post