เมื่อวันที่ 18 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายบรรทม และนางปริญทิพย์ ศึกษา เจ้าของฟาร์มหมู “บรรทมฟาร์ม” ตั้งอยู่เลขที่ 33 ต.ห้วยยาง อ.แกลง จ.ระยอง ว่า หมูในฟาร์มกว่า 1,500 ตัว และฟาร์มหมูใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนหลังเลี้ยงมา 5 เดือนถึงเวลาขายแล้ว แต่ยังขายไม่ออก ซึ่งหมูเป็นหน้าฟาร์มขายราคากิโลกรัมละ 60 บาท ราคาถูกกว่าที่เป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ แต่กลับไม่มีคนมาซื้อ ทั้งที่มีการเลี้ยงระบบปิดและมีคุณภาพมาตรฐานไร้โรค จึงสร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับผู้เลี้ยงหมู
นายบรรทม เปิดเผยว่า ขณะนี้หมูที่เลี้ยงอยู่จำนวน 1,500 ตัว เลี้ยงครบ 150 วัน ครบระยะเวลาขายแล้ว โดยขายได้ในราคาประกันเพียงกิโลกรัมละ 60 บาท แต่กลับไม่มีคนมาซื้อ จึงแปลกใจว่าข่าวออกทุกวันว่าหมูขาดตลาดไม่พอขาย จึงทำให้ราคาขึ้น แต่ของตนเองกลับไม่มีคนมาซื้อ จึงต้องเลี้ยงต่อไปสิ้นเปลืองค่าอาหารต่อไปอีก ไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนเรื่องโรคระบาดนั้นพบมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 แล้ว ทุกฟาร์มจึงป้องกันอย่างเข้มข้น ห้ามคนนอกเข้าออกฟาร์ม คนเลี้ยงก็จะต้องทำการพ่นยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าฟาร์มทุกครั้ง จึงทำให้ฟาร์มของตนรอดพ้นจากโรคระบาดดังกล่าว
ด้าน นางปริญทิพย์ เปิดเผยว่า ตนเองไม่เข้าใจว่า ทำไมหมูจึงขึ้นราคาขนาดนี้ ทั้งที่คนเลี้ยงหมูไม่มีคนมาซื้อ แถมยังขายราคาหน้าฟาร์มแค่ 60 บาทต่อกิโลกรัม แต่ไปถึงผู้บริโภคราคากลับพุ่งสูงกว่า 220 บาท ก็ไม่รู้ไปแพงตรงไหน คนเลี้ยงขายได้ราคาถูก ผู้บริโภคซื้อแพง เรื่องหมูฟาร์มไม่มีคนซื้อ ไม่ได้ประสบปัญหาเฉพาะฟาร์มเดียว ประสบปัญหากันหลายฟาร์ม ทั้ง จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่มีหมูที่ครบอายุขายคงค้างอยู่ฟาร์มหลายหมื่นตัว ทำให้ผู้เลี้ยงต้องแบกรับภาระค่าอาหารจนแทบจะรับไม่ไหวแล้ว เมื่อสอบถามไปยังผู้ซื้อคือ พ่อค้าคนกลางก็จะอ้างว่าเป็นไปตามกลไกตลาด จึงยิ่งแปลกใจเพราะหมูขาดตลาดอยู่จนราคาหน้าเขียงพุ่งกระฉูด แต่หมูฟาร์มกลับขายไม่ออก แถมราคายังคงที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ใช่ราคา 100-110 บาท ตามราคากลาง จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยตรวจสอบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการผู้ค้าหมูแล้วรีบแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ก่อนที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจะตายกันหมด.
Discussion about this post