วันที่ 5 ก.พ.65 ที่บริเวณชายหาดแม่รำพึง ตรงข้ามหมู่บ้านสบาย สบาย ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมน ตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ควงผู้บริหารกระทรวงฯ มี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง โชว์กินอาหารทะเลระยอง มีปลากะพงทอดราดน้ำปลา หอยหวาน หอยแมลงภู่นึ่ง กุ้งเผา หมึกสดย่าง หลังมีการกู้คราบเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลระยองคลี่คลาย พร้อมเปิดแถลงข่าวยืนยันผลตรวจจากการเก็บตัวอย่างอาหารทะเลสด บริเวณหาดแม่รำพึง-ก้นอ่าว หาดสวนสน และชายหาดบริเวณ บ.ไออาร์พีซี มีปู ปลา หอย หมึก กุ้ง ชนิดละ 5 ตัวอย่าง รวม 150 ตัวอย่าง ผลตรวจหาสารตะกั่ว แคดเมียม ปรอท สารหนู สารหนูอินทรีย์ และ PAHs ( Polycyclic Aromatic Hydrocarbons ) พบว่าไม่เกินค่ามาตรฐานกำหนด
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการเฝ้าระวังการและเก็บตัวอย่างอาหารทะเลสดเพื่อตรวจหาสารปนเปื้อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคอาหารทะเลอย่างปลอดภัย มั่นใจ กินได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคอาหารทะเลระยอง ขอเชิญชวนให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดระยอง มั่นใจว่าอาหารทะเลระยอง ปลอดภัย มั่นใจ กินได้ อย่างแน่นอน
โดยที่ห้องประชุมเคียงทะเล รีสอร์ท ริมหาดแม่รำพึง วานนี้ ผู้สื่อข่าวราย งานว่า บ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ได้เปิดแถลงข่าว กรณีเกิดเหตุน้ำมันดิบของบริษัทฯ รั่วไหลกลางทะเลระยอง
มร.โรเบิร์ต โจเซฟ โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขอโทษและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกๆ คนที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 เวลา 21.06 น.ซึ่งตั้งอยู่ห่างชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 20 กม.ขอเรียนให้ทราบว่า จากการคำนวณล่าสุด ปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลโดยประมาณอยู่ที่ 39 ตัน หรือเทียบเท่าโดยประมาณ 47,000 ลิตร ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 20 – 50 ตัน บริษัทขอแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการปฏิบัติงาน และรู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างมากต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการรั่วไหลในครั้งนี้ บริษัทจะเริ่มทำการสืบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อจะทำการหาสาเหตุและทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสืบสวนนี้อีกด้วย
ทั้งนี้ ทันทีที่เกิดเหตุการณ์รั่วไหลของน้ำมันดิบในบริเวณดังกล่าว บริษัทได้ปฏิบัติการอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อชุมชน ชาย ฝั่งทะเล และสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมถึงระดมทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ดำเนินการตามมาตรการการตอบโต้ภายใต้การควบคุมดูแลของกองทัพเรือ รวมไปถึงจัดให้อุปกรณ์มีความพร้อมใช้งานสำหรับการเก็บกู้คราบน้ำมัน อีกทั้งมีการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในวันที่ 30 ม.ค.65 ได้มีการยืนยันว่าไม่พบคราบน้ำมันทั้งบริเวณอ่าวพร้าวและบริเวณรอบๆ เกาะเสม็ดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถผ่านสถานการณ์นี้มาได้ มาจากการได้รับการสนับสนุนและการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ บริษัทขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือในเหตุการณ์ครั้งนี้.
โดยล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร จากกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กองทัพเรือ จัดชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ ฉก.กร.642 และชุดปฏิบัติการพิเศษ พัน ร.7 เพื่อดำเนินการสำรวจ ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทะเลภาคสนาม สุ่มเก็บตัวอย่างน้ำทะเล และดำน้ำเพื่อเก็บตัวอย่างตะกอนดิน/ทรายนำไปวิเคราะห์ทดสอบในห้องปฏิบัติการ ตลอดจนดำเนินการเก็บตัวอย่างทรายบริเวณชายฝั่งที่ความลึก 3 ระดับจากผิวหน้าที่อาจได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในห้วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงสุดและต่ำสุด ที่บริเวณชายหาดทะเลพัน ร.7 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับชายหาดแม่รำพึง
นอกจากนี้ ฉก.กร.642 ยังคงปฏิบัติภารกิจร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ทำการดำน้ำสำรวจหาคราบน้ำมันบริเวณโดยรอบหมู่เกาะเสม็ด ผลการสำรวจยังไม่พบคราบน้ำมันหรือสารเคมีต่างๆในทะเล และได้เก็บตัวอย่างน้ำ ดิน ทราย หินใต้ทะเล นำไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ซึ่งฉก.กร.642 จะดำน้ำสำรวจตามจุดต่างๆ ในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง ซึ่งการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว กองทัพเรือ ยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องแม้จะยุติภารกิจกู้คราบน้ำมันส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปฟื้นฟูแล้วก็ตาม.
.
Discussion about this post