
วันที่ 28 กพ.65 นายบัญชา ขาวศิริ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชพ 4 หลังสวน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่25 กพ.65 จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ชพ 4 หลังสวน นำโดยนายบัญชา ขาวศิริ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชพ 4 หลังสวน ร่วมกับ กอ.รมน.จ.ชุมพร ตำรวจกองกำ กับการ 5 บก.ปส ฝ่ายปกครอง ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันออกตรวจปราบการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตามที่มีการโพสต์ใน Facebook ใช้ชื่อ Satit Sriharutai โพสต์ว่า หมู่ที่ 10 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ ซอยบ้านเลขน้อย ซอยห้วยมัน มีการถางป่าสงวนขาย จำนวนมาก คณะเจ้าหน้าที่ เดินทางมาถึงท้องที่ ปากเลขน้อย หมู่ 10 ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร พบพื้นที่ถูกบุก รุกแผ้วถางป่าเพื่อทำการเกษตรจำนวน 1 แปลง ลักษณะการบุกรุกเป็นการแผ้วถางไม้พื้นล่าง และเถา วัลย์สำหรับไม้ที่ถูก แผ้วถางเป็นไม้ขนาดเล็ก ไม่สามารถทำเป็นสินค้าได้ตรวจสอบ พบเพิงพักชั่วคราว 1 หลัง มีอุปกรณ์การกระทำผิด
อาทิเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่องถังน้ำ 200 ลิตร 1 ใบเครื่องพ่นยา 1 เครื่องและเครื่องตัดหญ้า 1 เครื่อง ไม่พบผู้หนึ่งผู้ใดอยู่ในที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง จึงไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นการกระทำผิดของผู้ใด การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำ ผิดตามพรบ.ป่าไม้ พ.ศ 2484 มาตรา 54 และ 72 ฐาน แผ้วถางหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตามกฎ หมาย ป่าสงวนแห่งชาติ คำนวณพื้นที่ได้ 8 ไร่ 2 งาน อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพะโต๊ะป่าปังหวานและป่าปากทรง จึงได้ ทำการตรวจยึด และนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.พะ โต๊ะ เพื่อสืบหาคนกระทำความผิดต่อไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เดินทางไปที่ บ้านห้วยมัน หมู่ที่ 10 ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะจังหวัดชุมพร พบมีการบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อทำการเกษตรอีก 1 แปลง เป็นพื้นที่ที่เคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 และมีการบุกรุกเพิ่มเติมลักษณะการบุกรุกเป็นการแผ้วถางไม้พื้นล่างเถา วัลย์และสารเคมีฆ่าไม้ไผ่ มีการฝังเสาปูน ตรึงแนวเขตแสดงพื้นที่อย่างชัดเจนสำหรับไม้ที่ถูกแผ้วถางเป็นไม้ขนาดเล็กไม่สามารถทำเป็นสินค้าได้ ในขณะที่ทำการตรวจสอบไม่พบผู้ใดในที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงจึงไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นการกระทำของผู้ใด การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พ. ศ. 2484 มาตรา 54 และ 72 ฐาน แผ้วถางหรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็น การทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พรบ. ป่าสงวนแห่งชาติ จึงได้ทำการตรวจยึด พื้นที่พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพะโต๊ะป่าปังหวานและป่าปากทรง และนำเรื่องเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตำรวจ สภ.พะโต๊ะต่อไป
สำหรับการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ผืนสุดท้าย ของ จ.ชุมพรแห่งนี้ ชาวบ้าน ใน หมู่ที่ 10 บอกว่า ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคนร้ายไม่เข็ดหลาบเนื่องจาก มีคนมีสีคอยส่งสัญญาณการออกตรวจจับให้ทราบเนื่องจากมีความผูกพันกันในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีการตั้งขบวนการรุกป่า กันหลายคน ในตระกูลเดียว อีกทั้งป่าผืนตั้งกล่าวเป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีผลต่อการเกิดน้ำท่วม น้ำแล้ง ใน พื้นที่ อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน ที่มีสถานการณ์หนักขึ้นทุกปี.
Discussion about this post