สุรินทร์เปิดด่านชายแดนแล้ว !! ผู้ว่า 2 ประเทศ ไทย-กัมพูชา จับมือเปิดด่านชายแดนช่องจอม ในรอบ 2 ปีกว่า วันแรกคนข้ามแดนบางตา 

วันนี้ (6 พ.ค.65) ที่ หน้าประตูด่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่านอ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ.สุรินทร์ พร้อมด้วย นายแปน โก๊ะซอล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ร่วมกันเป็นประธานเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเป็นทางการ หลังจากปิดไม่ให้ประชาชนและชาวต่างชาติเข้าออกมานานกว่า 2 ปี หลังจากผู้ว่าราชการการทั้ง 2 ประเทศได้ประชุมหารือถึงมาตรการต่างๆร่วมกันเมื่อวานนี้ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการของไทย อาทิ ฝ่ายปกครอง อ.กาบ เชิง,กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ,ตำรวจภูธร จ.สุรินทร์,สาธารณสุข จ.สุรินทร์,ตรวจคนเข้าเมืองจ.สุรินทร์, ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประ เทศช่องจอม ,ด่านศุลกากรช่องจอม และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการของฝั่งกัมพูชา และสื่อมวลชนร่วมพิธีเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ในครั้งนี้ มีปล่อยขบวนรถขนส่งสินค้าและรถยนต์ของแต่ละฝั่งให้เข้าไปในพื้นที่ของแต่ละประเทศ ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นนิมิตหมายอันดี ต่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างบ้านพี่เมืองน้องของทั้ง 2 ประ เทศ รวมทั้งให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางผ่านแดนได้เข้ามาหาสู่กัน บรรยากาศในวันแรกจะไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงสอบถามและทำความเข้าใจในเรื่องของมาตรการผ่านแดนของทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนที่จะเข้ามา

นอกจากนี้ยังพบว่ามีชาวกัมพูชา ได้ทยอยเดินทางกลับเข้าไปยังประเทศต่อเนื่อง หลังจากที่ต้องปิดด่านมากว่า 2 ปี โดยส่วนมากเป็นแรงงานที่ทำงานในจังหวัดสุรินทร์ เพื่อไปเยี่ยมครอบ ครัวและทำเอกสารให้ถูกต้องก่อนเข้ามาทำงานในประเทศไทย ตามข้อกำหนดที่มีการกำหนดไว้ ทั้งนี้ด่านชายแดนจะมีการเปิดให้ประชาชนและช่าวต่างชาติเข้าออกได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น.ของทุกวัน

นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ. สุรินทร์ กล่าวว่า การเปิดด่านครั้งนี้เป็นไปอย่างฉันมิตร เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ที่เราจะดูแลซึ่งกันและกัน วันนี้บรรลุวัตถุประสงค์ของทั้งภาครัฐและภาคประชาชน รวมทั้งพ่อค้าแม่ขายด้วย เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นอย่างแน่นอน จากพื้นที่ชายแดนจะขยายต่อไปสู่ภายในทั้งหหวัด ซึ่งวันนี้ทาง จ.สุรินทร์ ก็ได้ไปหาประกันภัย ตามที่ท่านผู้ว่าราชการ จ.อุดรมีชัย ได้เสนอมาว่าเป็นห่วงเรื่องวิธีการประกันภัย ได้ทราบข้อมูลจาก 2 บริษัท คือ FWD และกรุงไทย-แอกซ่า โดยประกันภัย FWD เริ่มต้นในราคา 650 บาท และกรุงไทย-แอกซ่า 999 บาท ในราคาเริ่มต้น กำลังให้ ตม.ประสานประกันภัยโควิด FWD เอามาขายที่หน้าด่าน ส่วนกรุงไทย-แอกซ่า เป็นการซื้อประกันทางอินเทอร์เน็ต ก็สามารถโคปเวอร์ในวงเงินที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ วงเงินเอาประกันเกินที่รัฐบาลกำหนดอีกด้วย ถึง 7 แสน 5 หมื่นบาท ขึ้นไป เบื้องต้นการเดินทางเข้ามาที่ใช้บอเดอร์พาส อยู่ได้ 3 วัน ต้องมีใบรับรองฉีดวัคซีน มีการตรวจเอทีเค เข้ามาต้องสวมแมสก์ด้วย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร ก็เป็นการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขทั่วไป ส่วนเรื่องที่ ผวจ. อุดรมีชัย ขอให้บัตรบอเดอร์พาสอยู่ได้ 5 วันนั้น จ.สุรินทร์ได้รับเรื่องและจะเสนอรัฐบาลต่อไป เบื้องต้นให้เป็นไปตามมาตรการที่ทางรัฐบาลกำหนดมาก่อน ผวจ.สุรินทร์ กล่าว

ด้าน นายแปน โกะซอล ผวจ.อุดรมีชัย กล่าวว่า ทางกัมพูชาไม่มีปัญหาอะไรมากมาย แค่คนข้ามแดนมีใบรองรองการฉีดวัคซีนเท่านั้นเอง กฎกติกาก็เหมือนก่อนที่จะเกิดโควิดระบาด เพียงแต่ว่าเพิ่มเติมในเรื่องบัตรรับรองการฉีดวัคซีนเท่านั้น และประเด็นปัญหาต่างๆยังไม่เกิดขึ้น รอให้เปิดด่านแล้วหลังจากนี้ ถ้ามีปัญหาอะไรผู้ว่าทั้ง 2 จังหวัด ก็จะมีการหารือแก้ปัญหาด้วยกันต่อไป เป็นระยะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำประ กันภัย จากฝั่งไทยขอให้มีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม ผวจ.อุดรรมีชัย กล่าว

ด้านนายสินชัย ตันติรัตนานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนด้านการสาธารณสุข ด้านการแพทย์ศักยภาพด้านการแพทย์ ของจังหวัดสุรินทร์ ถือว่าสูงมาก เป็นที่ยอมรับของชาวกัมพูชา การขึ้นมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุรินทร์ หลังจากเปิดด่านแล้ว คาดว่าจะมีการเดินทาง เข้ามารักษาตัวมากขึ้น ทั้งโรคทั่วไป บาดเจ็บฉุกเฉิน ก็เข้ามารักษาได้ง่ยสะดวก การเปิดด่านในครั้ง ใช้เอกสารผ่านแดนบอเดอร์พาส สามารถอยู่ในไทยได้ 3 วัน คนไข้ส่วนหนึ่งก็จะอยู่รักษาตัวเกิน 3 วัน ก็สามารถใช้ใบรับรองแพทย์ มาประสานกับทาง ตม.สุรินทร์ เพื่อขอขยายอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ในเรื่องของโควิด-19 ในทางการแพทย์ จ.สุรินทร์ ก็จะมีคนรักษาเป็นจำนวนมาก และมีญาติตามมา ก็จะมีการพักคอย มีการสินค้า กลับไปกัมพูชา ได้ ชาวสุรินทร์ สามารถพูดภาษากัมพูชา ได้ ทำให้การสื่อสารได้ง่ายขึ้น คาดหวังว่าการเปิดด่านครั้งนี้ ตามมาตร การของรัฐบาลบวกกับสถานการณ์ โควิด-19 เริ่มลดลง ก็จะสอดคล้องกับนโยบาย ของ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เราจะข้ามโควิด-19 เพื่อนำเรื่องเศรษฐกิจ และสังคม และการแพทย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์ ให้มีความรุ่งเรืองมากขึ้น เป็นความมุ่งหวังของผู้บริหาร ของจังหวัดสุรินทร์ สำหรับเงื่อนไข การข้ามแดน ก็คือใช้บอเดอร์พาส ทุกคนทุกฉีดวัคชีน อย่างน้อย 2 เข็ม ซึ่งชาวกัมพูชา อายุ 5 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ได้วัคชีน เข็ม 2 และเข็ม 3 แล้ว ส่วนประชาชน ในจังหวัดสุรินทร์ ประชากรกว่า 80 เปอร์เชนต์ ได้รับการวัคฉีดชีน แล้ว เราต้องช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมาตรการสาธารณสุข เน้นย้ำว่า ในระยะนี้ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย เป็นการควบคุมโรคโควิด-19 แม้ว่าความรุนแรงลดลง แต่เราไม่ประมาท เชื่อว่า ด้านการแพทย์ จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างไทย กัมพูชา ให้ขับเคลื่อนต่อไปได้เป็นอย่างดี.