
จากกรณี นายกิติพันธ์ จันทร์สุข นอภ.กุดบาก จ.สกลนคร สั่งการให้ นาย สิรธัญคิณทร์ ศรีทวีกูล ปลัดอำเภอกุดบาก พร้อมด้วย นายวิรวัฒน์ ดาบลาอำ กำนัน ต.กุดบาก ออกสืบหาครอบครัวคนเร่รอน ซึ่งประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก อรก 4 คนรวม 6 ชีวิต ติดโควิดทั้งบ้าน เดินเท้าจาก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มาพักในกระท่อมนาไม่มีเลขทีาของชาวบ้านในเขต บ.นาขาม ต.นาม่อง จึงได้ไปตรวจสอบพบ นายอนนท์ ชื่นอารมณ์ อายุ 26 ปี น.ส.วิลาภรณ์ ประเสริฐสังข์ อายุ 27 ปี และบุตรชายอีก 4 คนรวม 6 ชีวิต จนทราบว่าได้มาพีกอยู่ที่กระท่อมนาของ นางแกน นามลี อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 112 ม.9 บ.นาขาม ต.นาม่อง เนื่องจากไม่มีที่ไปจึงเดินเท้าเปล่าพอเมียกระเตงลูกเป็นระยะทางเกือบ 100 กม.จึงได้จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้งและเสื้อผ้าบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ส่วนบุตรที่เรียน 2 คน ได้นำเข้าไปเรียนที่ ร.ร.กุดบากราษฎร์บำรุง ในระดับชั้น ป.6 และ ป.2 นอกจะนี้ยังต่อเติมดระท่อมนาและทำห้องน้ำให้ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าของเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ดร.ชูพงษ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร ทราบเรื่องนี้จากสื่อมวลชน จึงพร้อมด้วย นายกิติพันธ์ จันทร์สุข นอภ.กุดบาก นายครรชิต วงศ์แต้ม ผอ.โรงเรียนกุดบากราษฎร์บำรุง และผู้เกี่ยวข้องนำสิ่งของและเงินสดไปมอบให้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีผู้ใจบุญร่วมบริจาคสมทบด้วย ซึ่ง นายก อบจ.สกลนคร ได้พูดคุยกับครอบครัวเร่ร่อน 6 ชีวิตว่าไม่ต้องพาลูกไปเร่ร่อนอีก เพราะตนจะรับอุปการะทั้งหมด โดยจ้างให้ไปเฝ้าสวนทุเรียนของตน จำนวน 80 ไร่ที่ อ.พรรณานิคม เดือนละ 10,000 บาท โดยให้ลูกชายคนโตที่เรียนชั้น ป.6 อีกเดือนละ 3,000 บาท เป็นค่าให้อาหารปลา 5 บ่อ ซึ่งจะรับผิดชอบเรื่องข้าวปลาอาหาร ที่พักทั้งหมด นอกจากนี้จะส่งเสียให้ลูกๆได้เรียนหนังสือทุกคน โดยเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นคนดี อย่าสร้างปัญหาให้กับสังคม ซึ่งได้นัดหมายกันว่าจะให้มารับเมื่อใด โดนทางโรงเรียนรับปากว่าจะทำหนังสือส่งตัวไปที่เรียนใหม่ให้ โดยโอนทะเบียนบ้านไปที่ปลายทาง ซึ่งนายอนนท์ พร้อมครอบครัวรู้สึกดีใจเพราะจะได้ไม่ต้องพาครอบครัวเร่ร่อน
/ วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร
Discussion about this post