
วันที่ 10 ก.ค.65 บริเวณสี่แยกทุ่งสะเดา ถนนฝั่งขาออกนิคมอุตสาหกรรมมาบตา พุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง พ.ต.ต.สมัย สาดี สว.(สอบสวน) สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุ รถเก๋งชนจักรยานยนต์ 2 คัน และมีผู้เสียชีวิตหลายราย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศลระยอง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋ง สีขาว ป้ายทะเบียนแดง ก 3150 กรุงเทพมหา นคร สภาพพังเสียหายเกือบทั้งคัน นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ ล้มคว่ำ สภาพพังเสียหาย อีก 2 คัน และมีผู้เสียชีวิต กระจัดกระจายอยู่ตามริมถนนอีก 3 คน เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 3 คน เป็นคนขี่จักรยานยนต์ ส่วนคนขับรถยนต์เก๋ง ชื่อนายสราวุธ สีมา อายุ 30 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย แต่อยู่ในอาการมึนงง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้สอบสวนที่ สภ.มาบตาพุด
สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า รถยนต์เก๋ง ขับออกมาจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท มาถึงที่เกิดเหตุ เป็นสี่แยกไฟแดง รถจักรยานยนต์ 2 คัน ได้สัญญาณไฟเขียว ออกมาจากทางตลาดลาว กำลังขี่ข้ามไฟแดง มุ่งหน้าไปทางตลาดมาบตาพุด แต่รถเก๋งฝ่าสัญญาณไฟแดง พุ่งเข้าชนรถจักร ยานยนต์ที่กำลังขี่ข้ามไฟแดงอย่างแรง คันแรกเป็นจักรยานยนต์สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กช 3066 ระยอง ขี่มาด้วยกัน 2 คน คันที่สองเป็นจักรยานยนต์ ขับแกร๊ปฟู้ด สีดำ ผู้ขับขี่ 1 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 3 คน ขณะที่คนขับรถยนต์เก๋งอ้างว่า ไม่เห็นสัญญาณไฟแดง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง
สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายประดิฐศร บุญยังแก้ว อายุ 40 ปี นายพงศ์ภวัน พานทอง อายุ 46 ปี ทั้งคู่มาด้วยกัน ขี่จักรยานยนต์คันสีขาว / อีกรายชื่อนายประทีป ตั้งใจ เป็นไรเดอร์แกร๊ปฟู้ด ขี่จักรยานยนต์คันสีดำ.
จากกรณี ไฟสัญญาณจราจรเสีย ตรงสี่แยกตลาดลาว (ทางเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง จนทำให้นายสราวุธ อายุ 30 ปี ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน ภ-3150 กรุงเทพมหานคร พุ่งชน รถจยย.2 คัน จนเป็นเหตุ ให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ รวม 3 คน โดยนายสราวุธ ให้การว่า ไม่ชินเส้นทาง ประกอบกับไม่มีสัญญาณไฟจราจรเตือน เลยไม่ได้เบรคขับมาด้วยความเร็ว จนพุ่งชนรถจยย.ทั้งสองคันอย่างแรง โดยที่ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ พร้อมทั้งถ่ายรูปสัญญาณไฟจราจรที่เสียไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจจึงคุมตัวสอบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุปรากฎว่าเสียทั้งหมด จึงสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ และ ขอความร่วมมือสำหรับผู้ที่มีกล้องหน้ารถสามารถบันทึกภาพตอนเกิดเหตุไว้ได้ ช่วยส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ตามข่าวที่เสนอไป
เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 4 ก.ค.พ.ต.ต.สมัย สาดี สว.(สอบสวน) สภ.มาบตาพุด ระยอง เจ้าของคดี ได้กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนนายสราวุธ สีมา อายุ 30 ปี คนขับรถเก๋งที่พุ่งชน จยย.2คัน จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่ 3 คน เบื้องต้นยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และ ตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา
จากการตรวจสอบพบว่า ไฟสัญญาณจราจร เกิดเสีย โดยเสียเฉพาะฝั่งเส้นทาง ที่ รถเก๋ง วิ่งมา ตรวจพบว่า ไฟเขียว ไฟเหลือง ยังติดปกติ แต่พอถึงช่วงสัญญาณไฟแดง ปรากฎว่า ไฟแดงกลับไม่ติดจะมืดไปเลย จึงเป็นสาเหตให้ รถเก๋งที่พุ่งชน ไม่ได้เบรคเลย จึงพุ่งชนเต็มแรง
ส่วนเรื่องคดี เตรียมดำเนินคดี กับนายสราวุธ คนขับรถเก๋ง ในข้อหา ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งจะมีการเรียกตัวเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ในเรื่องของการเยียวยา ทาง รถเก๋ง ได้ทำประกันภัยประเภท1 และ พรบ.ซึ่งได้แจ้งให้ทางตัวแทนบริษัทประภัยทราบเรื่องแล้ว ซึ่งได้เข้ามาตรวจสอบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทประกันภัยที่รถยนต์ที่ชนทำประกันไว้ พร้อมชดใช้ค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ทำสัญญากันไว้
หากจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มจากส่วนของเงินประกัน ก็เป็นสิทธิ์ของครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่สามารถฟัองร้องเรียกค่าเสียหายได้
จากการสอบถามนายประทีป นาคอุบล อายุ 64 ปี ช่างซ่อมรถจยย.ที่เปิดร้านอยู่ตรงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุ ได้เปิดเผยว่า สำหรับ เสาไฟแดงตรงฝั่งที่รถเก๋งวิ่งมา ได้ชำรุดหลังถูกรถชนจนล้มไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งพาไปดูเสาไฟแดงที่หักล้มอยู่ในป่าหญ้าริมถนน จึงทำให้ไม่มีเสาบอกสัญญาณ จะมีแต่สัญญาณไฟที่อยู่มุมสูงเท่านั้น จึงทำให้คนขับรถเก๋งที่บอกว่าไม่ชินเส้นทาง มองไม่เห็น สัญญาณไฟ เลยขับฝ่าไปขณะที่เป็นช่วงสัญญาณไฟแดง จึงชนเข้ากับรถจยย.ทั้ง2คัน ที่วิ่งออกมา จนเกิดเหตุขึ้น จึงขอฝากให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับสัญญาณไฟจราจรควรจะรีบเข้ามาซ่อมแซมโดยเร็ว ก่อนที่จะเกิดเหตุสลดขึ้นอีก
ต่อมาทางญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองครอบครัว ได้เคลื่อนศพของ นายนายประดิฐศร บุญยังแก้ว อายุ 41 ปี และ นายพงศ์ภวัน พานทอง อายุ 47 ปี
จาก โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติฯมาบตาพุด มายัง วัดโขดหิน ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติและเพื่อน ที่เดินทางมาร่วมในพิธีรดน้ำศพ โดยทั้งสองครอบครัวกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ ของทั้งสอง เป็น เวลา 3 วัน
ด้านน้องสาวของนายประดิฐศร ผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยทั้งน้ำตา ว่า เสียใจมากที่พี่ชายต้องเสียชีวิตกระทันหันแบบไม่ทันร่ำลา โดยเฉพาะบุตรชาย วัย 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกกับภรรยาเก่าที่เลิกรากันไป ที่ยังไม่ร฿้ว่าพ่อได้ตายแล้ว ยังคงร้องเรียกหาพ่อตลอด สฃสารหลานมาก เพราะจะอยู่กับพ่อตลอด ออกจากบ้านไปทำงาน แค่เสี้ยวนาทีก็ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันอึกแล้ว ทำไมจึงต้องมาเกิดกับครอบครัวด้วย ส่วนความข่วยเหลือจากคู่กรณี เบื้องต้นทางบริษัทประกันฯได้จ่ายเงินเบืัองต้นเป็นค่าจัดงานศพละ 30,000 บาท ส่วนที่เหลือจะมีการแจ้งรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนกรณีการเรียกร้องเยียวยากับหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบสัญญาณไฟจราจร ในจุดเกิดเหตุ จะมีการปรึกษากันอีกครั้ง เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
ด้านนายอนุกูล บุญยังแก้ว อายุ 35 ปีิได้ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ปรึกษากันในครอบครัว ต้องการให้หน่วยงานทีเป็นผู้ดูสัญญาณไฟจราจรออกมาชี้แจงยอมรับกับเรื่องความไฟจราจรที่เสียจนทำให้เกิดความสูญเสียถึง3ศพ ลูกวัย3ขวบ จะอยุ่อย่างไร คนที่อยู่จะทำอย่างไร ไฟจราจรสี่แยกใหญ่ เป็นเส้นทางเข้าออกนิคมอุตสาหกรรมที่มีรถเข้าออกจำนวนมาก แต่กลับปล่อยปละละเลยจนเกิดความสูญเสีย ทำไมจึงไม่รับผิดชอบเร่งการซ่อมแซมโดยเร็ว ซึ่งทั้ง3ครอบครัวผู้สูญเสียเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป
ส่วนทางภรรยาของ นายประทีป สายตั้งใจ ไรเดอร์ แกร็ปฟู๊ด เตรียมติดต่อรับศพของสามีมาทำพิธี ที่วัดโขดหิน ก่อน1คืน แล้วจะเคลื่อนศพกลับไปบำเพ็ญต่อที่บ้านเกิด จ.สุโขทัยต่อไป
สำหรับไฟแดงสี่แยกตลาดลาว ที่เกิดเสียจนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ จนเสียชีวิตไป3ศพ ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ว่าเป็นหน่วยงานที่เป็นเจ้าของไฟจราจรดังกล่าว
Discussion about this post