
วันที่ 19 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานที่วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย จ.อ่างทอง ภายหลังได้ทราบว่ามีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นพระสงฆ์ โทรศัพท์ไปขอยืมเงินโยมที่อยู่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท โดยอ้างว่านำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบัญชีธนาคารใหม่ ให้โอนเข้าบัญชีของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งพระสงฆ์ที่ถูกแอบอ้างชื่อนั้นคือ พระครูวิบูลย์สังฆกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไชโยวรวิหาร หรือญาติโยมจะรู้จักกันและเรียกติดปากว่า พระมหาสวน
ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร ถึงมีการแอบอ้างชื่อเพื่อหยิบยืมเงินชาวบ้าน พระครูวิบูลย์สังฆกิจ หรือ พระมหาสวน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคุณโยมคนหนึ่งที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นคนแถว ๆ วัดนี่แหละ ชื่อคุณโยมปรีชา แต่แกไปอยู่กรุงเทพฯ โทรมาสอบถามว่า ท่านมหา ท่านเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เหรอ อาตมาจึงตอบกลับไปว่า เบอร์โทรศัพท์อาตมาใช้มาเป็น สิบ ๆ ปี ไม่เคยเปลี่ยนนะคุณโยม จากนั้นคุณโยมปรีชาก็ถามอีกว่าท่านได้ใช้เบอร์อื่นโทรมาขอยืมเงินเมื่อสักครู่หรือไม่ อาตมาเลยบอกไปว่าคงไม่ใช่อาตมาแน่นอนที่โทรไป ซึ่งหลังจากบอกไป คุณโยมปรีชาก็เล่าถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามและให้พระมหาสวนเล่าให้ฟัง ซึ่งพระมหาได้โทรวีดีโอคอล ไปหาโยมปรีชา และบอกให้ช่วยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้สื่อข่าวฟัง เพื่อเป็นการเตือนภัยให้ประชาชนได้รับรู้ ว่ากลุ่มมิจฉาชีพในขณะนี้ได้มีการแอบอ้างไปถึงพระสงฆ์แล้ว ให้รู้เท่าทันคนพวกนี้
ต่อมา นายปรีชา จันทร์ประดับ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุช่วงสาย ๆ มีเบอร์โทรเข้ามา โดยไม่ขึ้นว่าเป็นชื่อใคร หมายเลข 0817192694 ปลายสายทักมาก่อนคำแรกว่าจำได้มั้ยว่าใคร เป็นเสียงของผู้ชาย ซึ่งเสียงคล้ายพระมหามาก จึงถามกลับไป มหาเหรอครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ มหาปลอมก็ตอบกลับมาว่าพอดีจะเปลี่ยนบัญชีธนาคารใหม่ ต้องมีค่าใช้จ่าย พอดีเงินยังคาอยู่ในบัญชีเดิม ไม่สามารถนำออกมาดำเนินการได้ จึงอยากขอยืมเงินโยมก่อน จำนวน 20,000 บาท ช่วงเย็นจะโอนคืนกลับมาให้ ตนเองก็เป็นคนไม่คิดอะไร ปกติแล้วถ้าคนรู้จักมาหยิบยืมก็จะให้ยืมโดยไม่คิดอะไร โดยคิดว่าเดี๋ยวจะโอนให้ แต่ก็มาพูดคุย ถามสารทุกข์ สุกดิบกัน รวมไปถึงเรื่องสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดไชโยวรวิหาร ว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งทางมหาปลอมก็ตอบอย่างคนที่รูสถานการณ์เป็นอย่างดี ว่าตอนนี้ยังเอาอยู่ แต่ถ้าไม่ไหวก็คงต้องปล่อย จากนั้นจึงตัดบทให้ตนเองโอนเงินไปยังหมายเลขบัญชี 9804450303 ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี นางสาวชิดชนก แสนสุภา ตนจึงบอกไปได้ครับมหา พร้อมกับวางสายไป ซึ่งระหว่างนั้นเกิดไปสะดุดตางเลขบัญชีเป็นของผู้หญิง และตัวเองก็ฉุกคิดได้ว่า ระดับพระมหาแล้ว ต้องมายืมเงินกับตนเองด้วยหรือ ตอนนั้นมันมีข้อโต้แย้งในหัวเกิดขึ้น และอยู่บ้านคนเดียว ไม่รู้จะปรึกษาใคร จึงโทรสอบถามลูกสาว และเล่าเรื่องราวให้ฟัง ลูกสาวจึงบอกให้โทรไปถามพระมหาโดยตรง ที่เบอร์โทรที่ตนเองบันทึกไว้ เพื่อจะได้รูและสบายใจ จึงโทรไปสอบถามยังพระมหาว่าได้มีการเปลี่ยนเบอร์โทร และหยิบยืมเงินหรือไม่ พระมหาตัวจริงได้ปฏิเสธ ว่าไม่เคยทำอย่างที่บอก ซึ่งระหว่าที่คุยกับมหาตัวจริงอยู่นั้น ก็มีเบอร์โทรเข้ามาอีก หมายเลข 0634502736 ตนเองจึงรับสาย ปรากฎว่าเป็นมหาตัวปลอมโทรมาถาม และย้ำว่ารอเงินอยู่ หากโอนแล้วให้โทรบอกด้วย ตนเองจึงแกล้งพูดออกไปว่าเดี๋ยวผมขอโทรเช็คที่เบอร์เก่าของท่านก่อนนะ เมื่อมหาปลอมได้ยิน ก็รีบวางสายทันที
ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามยังพระมหาว่าได้มีการแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้หรือไม่ พระมหา บอกแก่ผู้สื่อข่าวว่า วิสัยของพระคือการให้อภัย และอยากฝากบอกคนที่แอบอ้าง หรือคนที่คิดจะกระทำผิดแบบนี้ ให้เลิกซะเถอะ หากไม่มีเงิน ก็ต้องทำงาน หรือขอเค้าดีกว่าที่จะทำแบบนี้ ส่วนนายปรีชา จันทร์ประดับ ยังบอกอีกว่าขอให้เป็นตัวอย่างแก่คนอื่น และให้ถามกลับไปยังปลายสายด้วยว่าคุณเป็นใคร และตรวจสอบให้แน่ชัด อาจไม่โชคดีเหมือนตนเอง
หิรัญยวัต อธิวัฒน์เดชากร / อ่างทอง
Discussion about this post