
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ที่โรงแรมแพร่นครา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดการประชุมผังน้ำ ครั้งที่ 2 ระดับกลุ่มจังหวัด ตามโครงการจัดทำผังน้ำ ลุ่มน้ำปิงวัง ยม น่าน โดยจัดประชุมลุ่มน้ำยม เวทีที่ 1 สำหรับจังหวัดน่าน พะเยา แพร่ ลำปาง และอุตรดิตถ์ ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) จัดขึ้น
ด้านนางสาวสุมาลี พึ่งคำ ผู้
อำนวยการกลุ่มอุตุและอุทกวิทยาประยุกต์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ทาง สทนช. ร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาจัดการประชุมผังน้ำ ครั้งที่ 2 พื้นที่ลุ่มน้ำยม เวทีที่ 1 โครงการจัดทำผังน้ำ ลุ่มน้ำปิง วัง ยม
น่าน เพื่อนำเสนอร่างผังน้ำ ฉบับที่ 1 ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงจัดทำร่างผังน้ำ และนำมารับฟังความคิดเห็นในการประชุมครั้งต่อไป การประชุมมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยคณะกรรมการลุ่มน้ำ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้ดำเนินการศึกษาและทบทวนกายภาพของพื้นที่ การใช้ประโยชน์ที่ดินในอดีตถึงปัจจุบันข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองการพัฒนาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลจากแผนที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนที่แสดงโครงข่ายระบบระบายน้ำในปัจจุบัน ทิศทางการ
ไหลของน้ำ วิเคราะห์สภาพและสาเหตุของการเกิดอุทกภัยและภัยแล้ง แผนที่แสดงระบบป้องกันน้ำท่วมและการบรรเทาอุทกภัย การบริหารจัดการอุทกภัย การบริหารจัดการภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา จากหน่วย
งานต่าง ๆ ตลอดจนการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านเพื่อนำมากำหนดขอบเขตผังน้ำ โดยใช้แบบจำลองคณิตศาสตร์ ผลการวิเคราะห์และจัดทำร่างผังน้ำ (ฉบับร่าง 1) ลุ่มน้ำยม จำแนกเป็น 3 รหัสโซนรวมพื้นที่ 2,903,037 ไร่ ได้แก่ พื้นที่น้ำหลากริมลำน้ำ (ลน.) จำนวน 13,513 ไร่ พื้นที่
น้ำหลากระบาย (ลร.) จำนวน 2,540,800 ไร่และพื้นที่น้ำนอง (น.)จำนวน 348,724 ไร่ โดยพื้นที่เหล่านี้ มีข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อไม่ให้กีดขวางทางน้ำ เบี่ยงเบนการไหลของน้ำ และผังน้ำจะเกิดประโยชน์สูงสุดเมื่อมีการควบคุมการพัฒนาสิ่งปลูกสร้างและการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ผังน้ำอย่างเหมาะสม เช่น เขตชลประทานน้ำนองและเขตที่กำหนดไว้เป็นทางน้ำหลาก ควรเป็นพื้นที่อนุรักษ์ชนบทเกษตรกรรม พื้นที่แก้มลิงกำหนดให้เป็นที่โล่ง ส่วนเขตที่กำหนดไว้เป็นชุมชนและอุตสาหกรรม
ตามผังเมืองรวมจังหวัด ควรมีระบบป้องกันน้ำท่วมและการบรรเทาอุทกภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วม โดยการจัดทำผังน้ำมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวน 30 ฉบับ เช่น พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 พระ
ราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ. 2485 เทศบัญญัติและข้อบัญญัติท้องถิ่น เป็นต้นกฎหมายเหล่านี้จะทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ผังน้ำเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ สทนช. และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา จะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมไปพิจารณาประกอบการศึกษาทางวิชาการและปรับปรุงผังน้ำให้มีความเหมาะสมและนำมารับฟังความคิดเห็นในการประชุมผังน้ำ ครั้งที่ 3 ประมาณเดือนมกราคม 2566 ศกนี้
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post