ผบ.ฉก.นราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุ การณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอจะแนะ พร้อมสั่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชา การกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จำนวน 5 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบตรี ประเสริฐ โกมุทกลาง , 2. อาสาสมัครทหารพราน เกียรติศักดิ์ บำเพิงพล ,3. อาสาสมัครทหารพราน อัสนาวีย์ ยอดแก้ว ,4 , อาสาสมัครทหารพราน ทวีชัย หอมอุทัย และ 5. อาสาสมัครทหารพราน วัชรินทร์ สิทธิน้อย ซึ่งทั้งหมดเป็นกำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 โดยได้รับบาดเจ็บจากเหตุ คนร้ายลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4905 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 บริเวณคอสะพานข้ามแม่น้ำสายบุรี บ้านไอร์ซือเร๊ะ หมู่ที่ 3 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ขณะกลับจากภารกิจ และนำกำลังพลที่เจ็บป่วยไปส่งยังโรงพยาบาลจะแนะ แรงระเบิดทำให้รถยนต์กระบะได้รับความเสียหาย และมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 นาย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

โดย พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้สอบถามอาการ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมอบความห่วง ใย และได้มอบกระเช้าเยี่ยมืผู้ป่วย เงินช่วยเหลือและบำรุงขวัญให้แก่กำลังพล พร้อมกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว  ได้เน้นกำชับหน่วยต้นสังกัดดูแลเรื่องสิทธิ และสวัสดิ การ พร้อมกำชับให้ทุกส่วนที่เกี่ยว ข้องดูแล​ฟื้นฟูสภาพกำลังพล ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด

โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เน้นย้ำข้อสั่งการของพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ในภาค 4 ที่ให้ทุกพื้นที่เพิ่มความระมัดระวัง นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นำมาเป็นบทเรียน การปฏิบัติทุกภารกิจต้องไม่เกิดการสูญเสีย แม้ในงานด้านธุรการ ผิดพลาดกันได้ แต่ขอให้น้อยที่สุด การเดินทางต้องมีการ รปภ.เส้นทางทุกครั้ง ประสานกำลังทุกภาคส่วนรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ให้มีประ สิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยต่อเป้าหมายอ่อนแอ สร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน กำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมวัตถุพยาน รวมทั้งเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี พร้อมได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ และติดตามจับกุมคน ร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว รวมไปถึงได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่เพิ่มมาตรการควบคุมความปลอดภัย โดยการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วนในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชา ชน หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยก็สามารถแจ้งหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.