พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบายการบริหารราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวิสัยทัศน์ คือ “เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความสงบสุขของประชาชน” โดยมีนโยบายเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ปราบปรามอาชญา กรรม ดูแลความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน และควบคุมแหล่งอาชญากรรมพื้นที่เสี่ยง แหล่งมั่วสุม แหล่งอบายมุข บุคคลเสี่ยง บุคคลเฝ้าระวังและผู้มีอิทธิพล
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีอำนาจหน้าที่ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะทาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้กำชับให้ทางกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก. ปคม.) ดำเนินการสืบสวนขยายผลขบวนการค้ามนุษย์ ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องทุกราย อย่างครบทุกมิติ
ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปคม. ได้ดำเนินการสืบสวนติดตามกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ โดยพบชายซึ่งมีพฤติการณ์ตั้งตัวเป็นแอดมินกลุ่มไลน์ลับ ผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก นำไปเผยแพร่ในกลุ่มไลน์ โดยมีการเรียกเก็บค่าสมาชิกก่อนเข้ากลุ่ม คนละ 200 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบสมาชิกในกลุ่มจำนวนเกือบ 200 คน โดยมี “แอดมินฟ้า” ทำหน้าที่เป็นแอดมินกลุ่ม คอยโพสต์คลิปวิดีโอกระ ทำชำเราเด็กลงในกลุ่ม อีกทั้ง “แอดมินฟ้า” ยังลงมือข่มขืนกระทำชำเราเด็กในคลิปเองอีกด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบเด็กที่ปรากฎอยู่ในคลิป พบว่าเป็น ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปีเศษ และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 6 ปีเศษ เจ้าหน้า ที่ตำรวจจึงได้เร่งดำเนินการสืบ สวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด จนภายหลังทราบว่า “แอดมินฟ้า” คือ นายสายฟ้าฯ อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 31/2566 ลงวันที่ 6 มกราคม 2566 ในข้อหา “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามกเด็กฯ” ซึ่งในระหว่างสืบสวน เจ้าหน้าที่พบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการนำเด็กชายทั้งสองออกมาค้าประเวณี โดยจะคิดค่าบริการครั้งละ 5,000 บาท ซึ่งในวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้ต้องหาได้ตกลงนัดหมายนำเด็กมาค้าประเวณี ที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญ เรือง จ.หนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม
โดยในวันที่ 7 มกราคม 2566 เวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าจับกุม โดยพบผู้ต้องหาขับขี่รถจักยานยนต์ ซึ่งมี ด.ช.เอ อายุ 10 ปี ซ้อนท้ายมาด้วย ซึ่งในขณะที่ผู้ต้องหากำลังรับเงินจากลูกค้าที่มาซื้อบริการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของเด็กทั้งสองราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการช่วยเหลือ และนำตัวส่งผู้ปกครอง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากการสอบถาม นายสายฟ้าฯ รับสารภาพว่าเป็นผู้พาเด็กมาค้าประ เวณี และเป็นผู้ผลิตและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กในกลุ่มไลน์ลับจริง โดยนายสายฟ้าฯ ได้กระ ทำชำเรา ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปีเศษ และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 6 ปีเศษ โดยจะพูดจาหว่านล้อม หลอกล่อให้เด็กยินยอมถ่ายคลิบวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อแลกกับเงิน ของเล่น ของขวัญ หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในบางครั้งจะตกลงกับเด็กว่าจะซื้อสกิลทักษะตัวละครในเกมต่อสู้ (เช่น สกิลอิโนะสุเกะ รูปลักษณ์หมูป่า) ให้ หากเด็กยินยอมให้ถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยเจ้าหน้าที่พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายแสนบาท การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดในฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ 1.1 ค้ามนุษย์จากการผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 15 ปี มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 8 ถึง 20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 800,000-2,000,000 บาท 1.2. ค้ามนุษย์จากการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 8 ถึง 20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 800,000-2,000,000 บาท 2. ประมวลกฎหมายอาญา
2.1 กระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท 2.2 ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็ก อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.3 เพื่อประสงค์แห่งการค้า เพื่อการแจกจ่าย ผลิตซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท
นอกจากนี้ กก.1 บก.ปคม. ยังมีได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้ามนุษย์ค้างเก่า ได้อีกจำนวน 2 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลอาญาที่ 857/2560 ลงวันที่ 5 เม.ย.60 ข้อหา “ค้ามนุษย์จากการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี” โดยจับกุม นางมณีรัตน์ฯ หรือ อิโต ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกลวงหญิงไทย บังคับค้าประเวณีที่ประเทศญี่ปุ่น และ หมายจับศาลอาญาที่ 878/2560 ลงวันที่ 7 เม.ย.60 นายเสกศักดิ์ฯ หรือเฮียยี ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกลวงหญิงไทยบังคับค้าประเวณีที่ประเทศอิตาลี หากพบเห็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งเบาะแสหรือแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) หรือ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ผ่านสายด่วน 1191 และเพจเฟซบุ๊ก “กองบังคับ การปราบปรามการค้ามนุษย์”
อีกคดีตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.๖ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต. แดนรบ สมัยชูเกียรติ สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.อ.ยุทธนา จิตจำนอง รอง สว.กก.6 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.ร่วมกันจับกุม น.ส.ฐิติมา (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 453/2565 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2565 , ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 454/2565 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2565 และตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 455/2565
ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ในฐานความผิดฐาน “เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง”
สถานที่จับกุม บริเวณวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา วันที่ 4 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 19.20 น. โดยพฤติการณ์ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้เปิดให้กลุ่มผู้เสียหายเข้าร่วมเล่นแชร์กับผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาได้เปิดวงแชร์จำนวนหลายวงมานานกว่า 3 ปี ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าร่วมเล่นแชร์กับผู้ต้องหา
มากกว่า 50 ราย ซึ่งในช่วงแรกผู้ต้องหาสามารถจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายตามที่ตกลงกันไว้ได้ ต่อมาเริ่มมีผู้เสียหายหลายรายไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้และไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องหาได้ โดยพบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ. ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตามจนกระทั่งได้เบาะ แสว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมา
ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ภายในงานประจำปีของวัดในพื้นที่ ต.ชุม พล อ.สทิงพระ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบตัวผู้ต้องหากำลังขายของอยู่ภายในวัดดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวและทำการจับกุมผู้ต้องหา จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับว่าได้ตั้งตัวเป็นเท้าแชร์ เปิดให้มีสมาชิกเข้าร่วมเล่นแชร์กับตน โดยจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนสมาชิกวงแชร์มากกว่าสามสิบคน มีจำนวนวงแชร์หลายวงแชร์ ซึ่งผู้ต้องหาไม่สามารถจำได้ว่ามีกี่วง หลังจากเปิดให้สมาชิกเล่นได้ระยะหนึ่งแชร์ก็ล้ม ผู้ต้องหาจึงได้หลบหนีไปประกอบอาชีพค้าขายตามงานต่างๆ จนกระทั่งเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมเข้าจับกุมดังกล่าว แต่ทางผู้ต้องหาให้การในชั้นจับกุมว่าไม่มีเจตนาที่จะหลบหนีลูกแชร์ เพียงแต่มาขายของเพื่อนำเงินที่ได้ไปชดใช้ให้แก่ลูกแชร์ที่ยังไม่ได้รับเงินจากการเล่นแชร์จากตนเท่านั้น.
Discussion about this post