ฟังปราศัย พปชร. เต็มความจุยิมเนเซียม 700 ปี เปิดตัวผู้สมัคร 6 จว.เหนือ 23 เขต

วันที่ 19 มีนาคม 2566 ที่โรงยิมเนเซี่ยม 1สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศัยใหญ่เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พปชร. 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย เชียงใหม่10 เขต แม่ฮ่องสอน 2 เขต ลำพูน 1 เขต
ลำปาง 4 เขต แพร่ 3 เขต น่าน 3 เขต รวม23 เขต โดยเวทีติดรูป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. พร้อมข้อความ ว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ เศรษฐกิจดี สังคมสงบสุข มีผู้สนับสนุนและกองเชียร์ ชูป้ายเชียร์ลุงป้อม เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 พร้อมนำพวงมาลัย ดอกมะลิ คล้องคอว่าที่ผู้สมัครดังกล่าว โดยมีผู้มาฟังปราศัยกว่า 10,000คน จนเต็มโรงยิมเซียม 1

นอกจากนี้กลุ่มเสื้อแดง โดยสกรีนเสื้อด้านหน้าว่า “ทีมน้องป้ำ” ก่อนหอมแก้ม มอบกุหลาบแดงแก่ นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ หรือป้ำ บุตรชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 พปชร. เพื่อให้กำลังใจจำนวนมาก

ทั้งนี้นายเดชณัฐวิทย์ ได้เดินทักทายยกมือไหว้ขอบคุณผู้สนับสนุน และกองเชียร์ เขต 5 พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างเป็นกันเองเช่นเดียวกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ พปชร. ทั้ง 10 เขต เพื่อส่งกำลังใจไปยัง พล.อ.ประวิตร ในระหว่างปราศัยหาเสียงดังกล่าว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 6 จังหวัดภาคเหนือ และผู้ฟังปราศัย ได้ร้องเพลงแฮปปี้เบริ์ดเดย์ให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พปชร. ในโอกาสครบรอบ 63 ปี (เกิด 19 มี.ค. 2503)ซึ่งนายสนธิรัตน์ ได้กล่าวว่า ปกติวันเกิดอยู่ที่บ้าน ไปกราบขอพรคุณแม่ ไม่ได้ออกไปไหน เป็นครั้งแรกที่ออกบ้านมาช่วยหาเสียงว่าที่ผู้มัครภาคเหนือ จึงขอบคุณ ที่อวยพรดังกล่าว

ด้านนายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกกำลังใจ เชื่อว่าประชาชนเห็นความตั้งใจเพราะลงพื้นที่พบปะประชาชนมากว่า 5 ปีแล้ว จะใช้โอกาสนี้พบปะประชาชนทุกพื้นที่ให้มากที่สุด โดยยึดหลัก ขอทำงานแทนพ่อ เพราะเป็น ส.ส.เขตดังกล่าวมาก่อน และมั่นใจประชาชนให้โอกาส เข้าไปทำหน้าที่แทนพ่อ และสนับสนุน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีคิวขึ้นเวทีปราศัยปิดท้ายรายการ เวลา 17.00 น. แต่เดินทางถึงที่หมายเวลา 17.35 น. ทำให้มีผู้ฟังปราศัย ทะยอยออกจากโรงยิมเนเซียม เพื่อกลับบ้านเนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ และกลัวพายุฝนพัดกระหน่ำ จนเหลือผู้ฟังปราศัยเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
/////////