สระบุรี เจ้าของพลายเอกชัยเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ต้องการช้างถวายในหลวง ร.10 ต่อหน้าคณะทำงาน วุฒิสภา และอธิบดีกรมการปกครอง คณะทีมตรวจลักษณะช้างสำคัญ “พลายเอกชัย”

วันที่ 25 ส.ค. 66 สืบเนื่องจากกรณี สว.นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป โฆษกและรองประธานคณะกรรมาธิการ การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้ตั้งกระทู้ถามสดประธานวุฒิสภา เมื่อ 8 สิงหาคม 2566 ไปถึงรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการแก้ปัญหาความล่าช้าในการน้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญโดยด่วน นั้น เป็นผลให้รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยเริ่มเดินหน้าเตรียมการ ตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญ “พลายเอกชัย” อย่างเร่งด่วน

นาย ธนบดี พรหมสุข เจ้าของพลายเอกชัยได้แจ้ง ความคืบหน้า ให้คณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ วุฒิสภาทราบว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง มีหนังสือด่วนที่สุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 แจ้งการตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน ตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ณ ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

สำหรับคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น มีนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครองเป็นประธานฯ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นรองประมาณ พร้อมด้วยกรรมการอื่นๆ รวม 13 คน มีหน้าที่และอำนาจอาทิ ตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญในเบื้องต้นและ สร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการน้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญ และ การถวายช้างในพระอุปถัมภ์ ให้กับเจ้าของกรรมสิทธิ์ทราบ

สำหรับบรรยากาศโดยรอบ มีประชาชนและผู้สื่อข่าวจำนวนมาก มารอทำข่าว แต่ในระหว่างที่รออยู่นั้น นายธนบดี เจ้าของพลายเอกชัย มองเห็นกลุ่มคนที่มีเครื่องมือไลฟ์สดกลุ่มหนึ่ง มีอยู่ประมาณ 5-6 คน และจำได้ว่ากบุ่มคนเหล่านี้เคยโจมตีตนเองเกี่ยวกับเรื่องการนำพลายเอกชัยถวายในหลวง จึงเดินไปเชิญให้ออกไปนอกพื้นที่ เพราะเป็นกลุ่มไม่หวังดี แต่กลับมีการโต้ตอบกันด้วยคำพูด จนชาวบ้านที่มาชมบารมีพลายเอกชัยได้ยิน และโห่ร้องขัยไล่ให้ออกไป กลุ่มคนดังกล่าวจึงออกไปด้านนอก โดยมีเสียงชาวบ้านโห่ไล่หลังออกไป

ต่อมานายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยกรรมการอื่นๆ รวม 13 คน เดินทางมาถึง ได้เข้าไปพูดคุยสร้างความเข้าใจ และหารือยังสถานที่ที่มีการจัดไว้ด้านใน ขณะที่มีการพูดคุยรายละเอียดกันนั้น ได้เปิดโอกาสให้นายธนบดีได้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายธนบดี ถึงกับหลั่งน้ำตา และพูดถึงเรื่องราวที่ถูกกระทำมาตลอดระยะเวลาหลายปี มีใจความว่า

ผมขอบคุณทุกคนที่อยู่ในที่นี้นะครับ. ทั้งผู้ที่มาดีและผู้ที่มาไม่ดี. ที่ยืนอยู่รายล้อม. ผมพูดอย่างนี้เลยนะครับ. ขอบคุณพี่เค. ขอบคุณเสธฯอรรจน์ (พล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์ ถวิลหวัง) ขอบคุณพลเอกเสริมทรัพย์ ชัยสิทธิ์ ขอบคุณทีมงาน ขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณทุกคน วันแรกที่พวกคุณเข้ามาในชีวิตผม ไอ้ควาญช้างที่ชื่อ อภินันท์ ทรัพย์มาก. มาที่ศูนย์ช้างช้างทองคํา. มาป้วนเปี้ยนอยู่กับช้างผม. 4-5 วัน ผมอยากให้ไปตรวจสอบดําเนินคดี หลังจากนั้นก็ให้ควานช้างของผม. โทรหาผมเพื่อขอซื้อช้างในราคา 18 ล้าน ผมบอก ผมไม่ขายให้ ผมไม่ขายให้ก็ จะขอพาช้างออกไปเดินป่า. ซึ่งมันก็ผิดปกติอยู่แล้ว หลังจากนั้นท่าน นายอำเภอ วันชัย วงศ์ญาติดี. โทรหาผม บอกว่า มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย เราไม่เคยเดือดร้อน เราอยู่สุขสบายของเราดี เราทำธุรกิจของเรามาดีๆ ทุกวันนี้ธุรกิจผมพังพินาศ เพราะน้ำมือคนเลวพวกเนี้ย ผมไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผมอยากพูดความละโมบ ความโลภของคนให้หมดในวันนี้เลย ซึ่งตรงเนี้ยมันคือปลายเหตุแล้ว มันคือปลายทางแล้ว พอทุกอย่างมันเริ่มแดงขึ้นมา. พวกคุณก็มาถาโถมใส่ผม ใส่องค์กรของเรา ทุกมิติทุกด้าน นายอำเภอกับผู้ว่ามาติดต่อ บอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ท่าน จะใช้ในพระราชพิธี ราชาภิเษกสมโภช เป็นผู้ว่าฯมหาสารคาม นายวันชัย วงศ์ญาติดี ผมพูดด้วยความคับแค้นนะ วันที่มาติดต่อท่านนายอําเภอกับผู้ว่ามา บอกว่าได้รับการประชุมที่จังหวัด โดยนําโดยหม่อมหลวง พิพัฒน์ ดิษสกุล ตําแหน่ง นายสัตวแพทย์ประจําโรงช้างต้น. หรือว่าหัวหน้าโรงช้างต้น. แจ้งว่าปี2562 จะมีการราชาภิเษกในการเฉลิมราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 เนื่องจากต้องหาช้างที่เป็นช้างคู่พระบารมี ว่านหางมาทั่วประเทศแล้วไม่มี พ่อพลายฯคือเข้าตําราและเข้าหลักที่สุด เรียนแจ้งเจ้าของ หากประสงค์สิ่งใดขัดเหลือสิ่งใดให้แจ้งให้บอก ผมก็คุยกับหลวงปู่บอกว่า เรายินดี. ช้างเป็นของหลวงปู่ ผมในฐานะประธานกรรมการบริษัทช้างทองคํา พ่อพลายเอกชัยเป็นสมบัติของช้างทองคํา โดยมีกรรมการ 3 ท่าน 1 คือผม นาย ธนบดี พรหมสุข เป็นกรรมการบริษัทช้างทองคํา , คุณแม่ พรทิพย์ เจริญรัตน์ เราเลยถวายในนามบริษัท ผมเป็นตัวแทนของหลวงปู่ถวายช้างเชือกนี้ หลังจากที่ ท่านนายอําเภอและผู้ว่าคุยเสร็จ เกิดเหตุการณ์อันอัปยศขึ้นในวันนั้นเลย. นายอภินันท์ ทรัพย์มาก สั่งให้ควาญช้างของผม ปล่อยช้างไปยืนอยู่กลางแดด. ไปตากแดดตอนเที่ยง มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการรู้เห็นทั้งหมด. เห็นอยู่ทั้งหมดเลย ผมต้องการให้คนไทยรับรู้เรื่องเลวระยําเนี่ยมันเกิดขึ้นกับผม

หลังจากนั้นผมได้พาตํารวจไปตามหา ใครจะว่าช้างผมอย่างงั้น อย่างงี้ก็ตาม. ต่อให้ลุงแก้วหรือใครก็ตามมาไหว้ช้าง แต่พ่อพลายเอกชัยก็คือช้างของผม เทวดาของผม พวกคุณอยากได้ช้างของผม ผมไปยกมือไหว้พลายเอกชัย ยืนอยู่กลางแดดตอนเที่ยง ช้างไม่เคยยืนกลางแดด. ทุกเชือกต้องไปผูกกลางแดด ผมพาตํารวจไปลากคอมาจนเจอ. ตํารวจต่อสายว่าใครอยู่เบื้องหลัง. ปรากฏว่าปลายสายคือ นายอภินันท์ ทรัพย์มาก โดยสั่งการโดยหัวหน้าโรงช่างต้นคือ หม่อมหลวง พิพัฒนฉัตร ดิศกุล และก็บอกขอโทษ. ถ้าท่านมาดีตั้งแต่ต้นอะ. เราเป็นประชาชนธรรมดา เราถวายอยู่แล้ว ผมก็บอกแล้วว่าไม่ขาย. แล้วไม่ใช่ซื้อครั้งเดียวนะครับ. หลายครั้ง. จนมาถึงที่ หนองจอก. จ.กรุงเทพมหานคร. ก็ยังบังคับให้โอนช้างให้ จะขายจะซื้ออีก หลังจากนั้นพอขอซื้อไม่ได้ พากันหนีพากลับมาที่สวนช้าง ตํารวจพามา หม่อมหลวง พิพัฒนฉัตร บอกว่าจะมาขอขมาหลวงปู่และผมที่ศูนย์ช้าง กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขอให้เรื่องมันจบ โดยมีผู้ว่าราชการ แต่ในขณะนั้นคือ ท่าน เกียรติศักดิ์ จันทรา และนายอําเภอวันชัย วงศ์ญาติดี บอกว่าเรื่องนี้อย่าให้มันแดงเลย มันจะเสื่อมเสียพระเกียรติของพระองค์ท่าน แล้วนี่พวกคุณทำอ่ะ มันไม่เสื่อมเสียเหรอ จากนั้นวันที่24ก็มาตรวจ นําโดยหัวหน้าโรงช้างต้น หม่อมหลวง พิพัฒนฉัตร ดิศกุล ผมเรียนทุกท่านทุกคนในสื่อตรงนี้นะครับ. ว่า. เราไม่ได้อยู่ๆเอาช้างไปถวายก่อนนะ. แต่เขามาขอตรวจก่อน. เราไม่มีความรู้เรื่องคชลักษณ์หรอก ผมไม่ใช่คนเลี้ยงช้างในวังหรอกครับ. ผมเป็นคนหนึ่งที่เลี้ยงช้างด้วยใจรัก นำเงิน นําทรัพย์ส่วนตัวมาสร้างตัวเลี้ยงช้างอ่ะ. ใครจะบ้าเรื่องผมบ้าง ไปดูประวัติได้เลย พอมาวันนี้ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจเต็มเลย ถ้าหากว่าหัวหน้าโรงช้างต้นไม่มีความรู้เรื่องช้างเผือก แล้วใครมันจะรู้อีกหล่ะ

จากนั้นนายธนบดี เจ้าของพลายเอกชัย ได้นำคณะทำงานออกมายังบริเวณที่พลายเอกชัยอยู่ พร้อมกับบอกทุกคนว่าอย่าเพิ่งเข้ามา ตอนนี้พลายเอกชัยตกมันอยู่ เกรงว่าจะได้รับอันตราย หากเป็นกลิ่นที่พ่อพลายไม่คุ้นเคย จากนั้นได้มีปากเสียงกันเกิดขึ้น ระหว่างนายธนบดี และ ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจคชลักษณ์ จนทำให้ชาวบ้านที่เข้ามาดูต่างไม่พอใจในอากัปกิริยาของผู้เชี่ยวชาญ โดยบ้างตะโกนออกไปว่าเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทำไมถึงไม่รู้ว่าช้างตกมันเป็นอย่างไร บ้างก็ว่าสงสัยเค้ามีคาถาดีเลยไม่กลัว แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ปกครองได้เขิญผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ออกมา โดยเกรงว่าจะเกิดเหตุบานปลาย ซึ่งก่อนการตรวจทางนายธนบดี ได้ขอให้ผู้ที่เข้าตรวจคชลักษณ์ทุกคน จุดธูปสาบาน ว่าจะทำทุกอย่าง อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ทำแล้วเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้หนึ่งผู้ใด เหมือนที่ตนเองเคยไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตลอดหลายปี ซึ่งก็มี 1ในคณะทำงานที่ออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจ มีการกระทบกระทั่งตลอดเวลาที่ตรวจคชลักษณ์ของพลายเอกชัย สำหรับคณะทำงานชุดนี้ นายธนบดีระบุว่า เป็นกลุ่มเดียวกับที่คอยขัดขวางการถวายช้างคู่บารมีในหลวงมาตั้งแต่ต้น

หลังจากการตรวจเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามอธิบดีถึงการดำเนินการต่อหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนในวันนี้ นายแมนรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ทางคณะมาดู ลักษณะช้าง 7 ประการ เบื้องต้น และมีผู้ที่มีประสบการณ์การดูลักษณะช้าง มาด้วย จำนวน 13 คน เดี๋ยวทางเราจะต้องไปคุยกันก่อนว่าได้ข้อมูลครบถ้วนหรือไม่อย่างไร ถ้าไม่ครบก็อาจจะต้องกลับมาดูอีกที แต่ถ้าครบถ้วนก็ไม่เป็นอะไร ส่วนการตรวจสอบในวันนี้ข้อมูลเบื้องต้น เราก็ดูลักษณะ 7 ประการ ถ้ามีก็จะเป็นช้างสำคัญที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งเราดูอย่างใกล้ชิดเท่าที่เราดูได้ และได้ทำการบันทึกภาพอย่างละเอียดที่สุด เพื่อนำกลับไปปรึกษาหารือกัน ซึ่งตอนนี้เรายังตอบไม่ได้ เพราะวันนี้ยังเป็นขั้นตอนการตรวจสอบเบื้องต้น และท่านผู้เชี่ยวชาญที่เขามีประสบการณ์ที่ดูแลและเลี้ยงช้างมา ท่านก็มาช่วยดูให้ ในลักษณะเบื้องต้น 7 ประการ

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความเป็นไปได้ว่าพลายเอกชัยเป็นช้างที่ตรงตามลักษณะหรือไม่นั้น นายสมโรจน์ คูกิตติเกษม ผู้เชี่ยวชาญคชศาสตร์ กล่าวว่า เราจะให้ความเป็นธรรมตามรูปลักษณ์จริงๆเลย คชลักษณ์เปรียบเทียบช็อตต่อช็อต แล้วจะมีคำตอบ ส่วนคนตัดสินใจไม่ใช่ตนเอง ซึ่งมีคณะทำงานโดยท่านประธาน และเราปรารถนาอยากให้เป็นช้างสำคัญด้วยความสัจจริง แต่ถามว่าเป็นไปได้ยังไง เรื่องละเอียดอ่อน เรื่องของสำคัญ ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบมีคำตอบให้สังคมได้เข้าใจกันจริงๆ และอันนี้มันเป็นเรื่องศาสตร์แล้วก็เป็นองค์ความรู้

หิรัญยวัต อธิวัฒน์เดชากร / สระบุรี 0981081000