จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อพูดคุยประเด็นผลกระทบจากประกาศของ IUU และแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประมง ในวันที่ 1 กันยายน 2566 นั้น
ล่าสุดวันนี้(31 สิงหาคม 2566) นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม จึงเชิญภาคประมง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรี ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลาง พร้อมมอบหมายภาระกิจรับผิดชอบให้แต่ละหน่วยงาน โดยเน้นย้ำสร้างปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรี และอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่มาคอยต้อนรับ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกำชับมาว่าขอให้การต้อนรับเป็นไปอย่างเรียบง่าย เป็นกันเองที่สุด แต่ขอให้ดูแลพี่น้องประชาชนก่อน อย่างไรก็ตามภายหลังจากการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมหน่วยงานต่างๆ ได้ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือสิริไพโรจน์ ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อดูแลความพร้อมการต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย
ด้านนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมว่า ชาวประมงดีใจอ้าแขนต้อนรับ นายเศรษฐา ทวีสิน ท่านนายกรัฐมนตรี ที่จะลงพื้นที่พูดคุยประเด็นผลกระทบจากประกาศของ IUU และแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประมง ในวันที่ 1 กันยายน 2566 ชาวประมงดีใจมากที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับชาวประมง 22 จังหวัด โดยในส่วนที่ท่านลงพื้นที่มาจังหวัดสมุทรสงคราม เนื่องจากในช่วงการหาเสียง เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2566 นายเศรษฐา ขณะนั้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม และได้พบปะรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงในหลายจังหวัด พร้อมรับปากจะช่วยเหลือชาวประมงหากได้จัดตั้งรัฐบาล ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้รับเสียงโหวตให้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านก็อยากจะช่วยเหลือชาวประมงให้เร็วที่สุด

นายมงคล กล่าวว่า ขณะนี้ชาวประมงใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ ยังประสบปัญหาเดิมๆ ตั้งแต่ 8 ปีที่แล้วมาจนปัจจุบัน ดังนั้น ปัญหาเร่งด่วนคือ การแก้ พ.ร.ก.ประมง พ.ศ. 2558 ที่ชาวประมงเห็นว่ามีโทษรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะกรณีเรือประมงทําผิดโดยไม่ได้เจตนา เช่นการแจ้งออกเรือผิดพลาดหรือเข้าไปในเขตชายฝั่ง 10 เมตร 20 เมตร โดยไม่ได้เจตนา และการแจ้งเอกสารผิดพลาดที่ควรจะมีการตักเตือนก่อน ไม่ใช่ถูกปรับเป็นเงินหลักแสนหลักล้านบาท ทำให้ชาวประมงรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม จึงเรียกร้องมายังรัฐบาลใหม่ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีให้แก้ไขเร่งด่วน เพราะไม่อย่างนั้นชาวประมงทั้งประเทศก็คงจะล่มสลายหมดเนื้อหมดตัวกันไปเรื่อยๆ
สำหรับการแก้ พ.ร.ก.ประมง พ.ศ. 2558 นั้น นายมงคล บอกว่า ในกระบวนการรัฐสภาชุดที่แล้วดำเนินการอยู่ในวาระ 2 แต่กฎหมายนี้ได้ตกไปเมื่อมีการยุบสภา แต่รัฐบาลใหม่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาได้ในช่วง 60 วัน นับแต่วันเปิดสภาและตั้ง ครม. แล้ว แต่ปัญหาคือ ครม. เพิ่งจะตั้งเลยเวลามา 3 เดือนแล้ว จึงไม่ทราบว่าจะนำมาพิจารณาต่อในวาระ 3 หรือไม่ก็ขอให้พิจารณาตรงนี้ด้วย เพราะถ้าหากทำต่อได้เร็ว ก็แก้ไขปัญหาให้ชาวประมงได้เร็วยิ่งขึ้น
นายมงคล กล่าวด้วยว่า ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องการฝากถึงรัฐบาลใหม่ คือการช่วยเหลือนำเรือออกนอกระบบ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วบอกไว้ตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ผ่านมาชาวประมงต้องจอดเรือไว้เฉยๆ ทั่วประเทศ กว่า 2,500 ลำ เสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือและจ้างแรงงานเฝ้าเรือเดือนละกว่า 30,000 บาท คิดดูว่า 8 ปี ชาวประมงหมดเงินไปเท่าไหร่ บางคนต้องกู้หนี้ยืมสินมาจะไปทำอาชีพอื่นก็ไม่ได้ เพราะไม่มีทุนแล้ว จึงขอให้รัฐบาลชุดใหม่ ใช้งบกลางหรืองบปะการังเทียมก็ได้สักก้อนหนึ่ง มาซื้อเรือประมงเหล่านี้ช่วยคืนทุนให้ชาวประมง เพราะนอกจากจะนำเรือออกนอกระบบได้แล้ว ยังนำเรือไปจมเป็นปะการังเทียมเพิ่มแหล่งอนุบาลทรัพยากรสัตว์น้ำ หรืออาจต่อยอดไปทำเป็นพิพิธภัณฑ์เรือสร้างแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลได้อีก ก็ขอให้รัฐบาลใหม่สนใจปัญหานี้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันเรือประมงทั่วประเทศเหลืออยู่ประมาณ 9,000 ลำ ลดลงจากเดิมมาก
นายมงคล กล่าวอีกว่า ตนคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้เห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนลดลง กล่าวได้ว่า ที่ยังต่อลมหายใจกันได้อยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเข้ามาช่วย ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ถ้าทำได้และทำให้ดี ตนเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะเงินที่จะลงไปหมุนเวียน จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเคลื่อนตัวทันที อีกเรื่องหนึ่งคือการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้ดีเช่นกัน แต่ประเด็นคือต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นก่อน เพราะถ้าเพิ่มค่าแรงเร็วเกินไปก็จะทําให้เศรษฐกิจเสียหาย เรื่องนี้ขอเน้นย้ำฝากไปถึงพรรคเพื่อไทย ว่าการจะเพิ่มค่าจ้างต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะอีก 4 ปีข้างหน้า ยังมีเวลาในช่วงแต่ละปี เพื่อให้ระบบไหลลื่น ไม่กระทบค่าครองชีพที่จะพุ่งขึ้นตามไปด้วย
สมุทรสงคราม
Discussion about this post