
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีเหตุคดีอุกฉกรรจ์ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ธ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งพบศพ นายสถาพร จินคำพะเนาว์ อายุ 48 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ลอยน้ำเสียชีวิตที่บริเวณสะพานข้ามลำห้วยแฮด พื้นที่บ้าน โพธิ์ หมู่ 2 ต.ซำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคม บริเวณลำคอและใต้ราวนม หลายแผล โดยพนักงานสอบสวนได้เชิญตัว บุคคลในครอบ ครัว ประกอบด้วย นางภูริชา (สงสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ภรรยาของผู้ตาย นางเพ็ชรทิม (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ลูกสาว/ลูกเลี้ยงผู้ตาย และนายธนโชค (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ลูกชาย/ลูกเลี้ยงผู้ตาย มาสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมทนายความ โดยพบพรุธหลายอย่าง ประ กอบให้การวกไปวนมาไม่ตรงกัน จึงได้แยกสอบทีละคน
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สังเกตเห็นเป็นพิรุธน่าสง สัย จึงได้ทำการตรวจสอบบริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น คลิก สีแดง ทะเบียน 2กว 9524 นครราช สีมา มีคราบน้ำสีแดงเหนียวข้นคล้ายคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณตัวรถ และพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นอเมร่า สีแดง ทะเบียน กท 9204 ศรีสะ เกษ ตรวจสอบเบื้องต้นมีคราบน้ำสีแดงเหนียวข้นลักษณะคล้ายคราบเลือด และที่นอนขนาดประ มาณ 5 ฟุต สีน้ำเงิน ซึ่งมีคราบน้ำสีแดงคล้ายคราบเลือดเปื้อนอยู่จำนวนมาก จำนวน 1 ฟูก เจ้าหนาที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ตรวจพิสูจน์ และซักถามโดยละเอียด
จนกระทั่งต่อมา นางภูริชา และนางเพ็ชรทิม ได้ยอมรับรับว่า เป็นผู้ร่วมก่อเหตุฆ่านายสถาพร และได้นำศพไปทิ้งตรงบริเวณจุดเกิดเหตุ ส่วน นายธนโชค รับว่ายังมีเพื่อนอีกหนึ่งคนเป็นผู้ร่วมก่อเหตุด้วย คือ นายพีรพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บขณะก่อเหตุถูกอาวุธมีดแทงที่มือได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะ และตนได้เป็นคนนำ นายพีรพัฒน์ ไปส่งรักษาบาด แผลที่ รพ.ศรีสะเกษ ขณะที่นายพีรพัฒน์ ได้ให้การปฏิเสธอ้างว่า แผลที่มือเกิดขึ้นเพราะเข้า ไปช่วยเหลือ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายธนโชค อายุ 21 ปี ลูกชาย/ลูกเลี้ยงผู้ตาย ไปงมหาจุดทิ้งอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ ที่บริเวณลำห้วยซัน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ก่อนจะตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้สาเหตุของการฆาตกรรม ในครั้งนี้ เนื่อง จากผู้ตายชอบดื่มเหล้าแล้วมีปากเสียงกับภรรยาและลูกเลี้ยงบ่อยครั้ง พูดจาหยาบคาย อยู่นานหลายปี จึงเกิดอารมณ์โมโหคับแค้นใจฝังลึกมานาน วันเกิดเหตุหลังผู้ตายกลับขึ้นบ้านนอน ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน จึงได้ร่วมกันกับลุกๆเพื่อนลูกลงมือก่อเหตุฆาตกรรมปลิดชีพดังกล่าว จากนั้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นทำลายศพ ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้ง หมดนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะ เกษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมา น.ส.ชลธิชา ปานนอก อายุ 22 ปี ลูกสาวแท้ๆ ของผู้ตาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกตกใจและสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตตั้งแต่เห็นข่าวครั้งแรกแล้ว ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต ภรรยาใหม่ของพ่อ ได้โทรไปหาพี่ที่ตนรู้จักเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ตน แต่พี่คนนั้นไม่ได้ให้เบอร์ไป โดยเขาอ้างว่าโทรศัพท์เครื่องเก่าพังเบอร์หาย ที่เราสง สัยคือหลังเกิดเหตุเขาไม่ติดต่อเราเลยและตนโทรหาก็ไม่รับสาย ตนไม่แน่ใจว่าพ่อตนมาอยู่กินกับภรรยาใหม่ นานแค่ไหนแล้ว แค่รู้เพียงว่าเขาอยู่ด้วยกัน ไม่ได้คุยกัน ส่วนศพจะนำกลับไปทำพิธีฌาปณกิจ ที่ จ.นครราชสีมา ตนไม่เชื่อว่าพ่อจะไปดุด่าเขาด้วยถ้อยคำหยาบคายตามที่เขากล่าวอ้าง เพราะเท่าที่รู้พ่อยอมเขาทุกอย่าง เขาพูดอะไรพ่อก็เชื่อหมด ผู้ตายเพิ่งได้รับมรดกจากย่าที่เพิ่งเสียชีวิตไป จำนวนหลายล้านบาท ตนเชื่อว่านี่อาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งของสาเหตุการฆาตกรรมในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องมรดกส่วนนี้ด้วย ในส่วนของเรื่องคดีตนขอให้เจ้าหน้า ที่ดำเนินการอย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้สาเหตุของการฆาตกรรม ในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ตายชอบดื่มเหล้าแล้วมีปากเสียงกับภรรยาและลูกเลี้ยงบ่อยครั้ง พูดจาหยาบคาย อยู่นานหลายปี จึงเกิดอารมณ์โมโหคับแค้นใจฝังลึกมานาน ประกอบกับผู้ต้องหาอ้างว่า ผู้ตายติดเชื้อร้าย โดยไม่บอกครอบครัว วันเกิดเหตุหลังผู้ตายกลับขึ้นบ้านนอน จึงได้ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรมปลิดชีพดังกล่าว โดยมีลูกสาว นั่งทับกดขาไว้ ลูกชายนั่งทับตัว ภรรยาและเพื่อนลูกชาย ช่วยกันจับมือ แล้วร่วมกันใช้มีดจ้วงแทงจนเสียชีวิต จากนั้นได้นำศพใส่ท้ายรถเก๋งไปโยนทิ้งลงน้ำเพื่ออำพรางคดี อย่างไรก็ตามทางการสอบสวนทราบว่าผู้ตายมีประกันชีวิตนับล้านบาท และมีทรัพย์สินอยู่พอสมควร ซึ่งจะได้เร่งรวบรวมพยายหลักฐานทั้งหมด พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลจังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงเช้านี้ต่อไป.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน
Discussion about this post