
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.67 ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน นายรณกฤต จักรเงิน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จัดการประชุม PAC คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติดอยภูคา บูรณาการเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ออกออกประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้านในชุมชนขอความร่วมมือด้านช่วยกันป้องกันไฟป่าให้ความรู้เรื่องไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบ สร้างเมืองน่าน ท้องฟ้าสดใส ลมหายใจสะอาด ปราศจากไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5
นายรณกฤต จักรเงิน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา กล่าวว่า พื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน มีพื้นที่ดูเเล 1,065,000 ไร่ หรือ 1,704 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมท้องที่ 8 อำเภอ ของจังหวัดน่าน ได้เเก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอปัว อำเภอบ่อเกลือ อำเภอท่าวังผา อำเภอสันติสุข เเละอำเภอเเม่จริม โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าต้นน้ำชั้น 1A เป็นเเหล่งต้นกำเนินของเเม่น้ำน่าน เพื่อปฏิบัติตามนโยบายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีการปรับเปลี่ยนการบริหารงานพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ทำให้ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีหน่วยงานร่วมบูรณาการภายในสังกัด 38 หน่วยงาน มีแนวทางปฏิบัติงาน
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ได้กำหนดมาตรการเชิง – เน้น มาตรการเชิงรุก-เชิงป้องกัน และจัดระเบียบ มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่รับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ ลงพื้นที่ ออกประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้านในชุมชนขอความร่วมมือด้านช่วยกันป้องกันไฟป่าให้ความรู้เรื่องไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบ โดย นายศุภวัฒน์ มะทะ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าดอยภูคา สถานีควบคุมไฟป่าดอยภูคา สบอ.13 (แพร่) และ มีการดำเนินการ
1.ลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART PATROL) และมีการลาดตระเวนเฝ้าระวังในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าร่วมกันกับหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง
2.มีการจัดตั้งจุดตรวจและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า
3.มีการประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่รอบๆแนวเขตอุทยานฯได้รับรู้และรับทราบ อีกทั้งขอความร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน
เพื่อลดค่า Hot spot และพื้นที่ถูกเผาไหม้ได้มากกว่าร้อยละ 50 และปฏิบัติตาคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้วางมาตรการไว้ ประการที่ 1.ลดจำนวนวันลงเหลือ 45 วัน จาก 15 มี.ค. 67 – 30 เม.ย.67 เป็นช่วงห้ามเผาเด็ดขาด ประการที่ 2 กำหนดวันห้ามเผาก่อนเด็ดขาด ในช่วงนี้เป็นการบริหารเชื้อเพลิง กำหนดโซน พื้นที่ วัน เวลา ในเรื่องของการจัดการเชื้อเพลิง ในเรื่องของการจัดการเผา ให้ดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบริหารเชื้อเพลิง จัดทำเป็นแผน โดยขอความร่วมมือจากเกษตรกร พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในการมาลงทะเบียน ที่จะเผาเชื้อเพลิง อย่างไร ประการที่ 3 หลังเผา จะสร้างความเข้าใจขอความร่วมมือช่วงห้ามเผาจะทำอย่างไร โดยห้ามเผาอย่างเด็ดขาด ในส่วนที่จะทำการเพาะปลูกต้องทำก่อนช่วงการห้ามเผา เด็ดขาด และช่วงหลัง ช่วงห้ามเผาเด็ดขาด
@@@@@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น
0848084888
Discussion about this post