วันที่ 14 มิ.ย.67 ที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ถ.เลี่ยงเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้มีชาวบ้านไชร์ลวก หมู่ 2 ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ กว่า 40 คน นำโดยนางเฉลา เซลม์ ได้พากันเดินถือป้ายเขียนข้อความ เช่น เอาฟาร์มไก่ออกไปจากบ้านเรา , ขี้ก็เหม็นพัดลมก็ดัง ถนนก็พังแมลงวันก็เพียบ , คนเลี้ยงรวยคนซวยคือชาวบ้าน ,ลงชื่อเข้าร่วมประชุมดันโผล่กลุ่มอนุมัติโรงเลี้ยงไก่ เป็นต้น โดยชาวบ้านที่มาเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากฟาร์มเลี้ยงไก่ขนาดใหญ่ มี 8 โรงเรือน ของบริษัทแห่งหนึ่ง มีการลงไก่เนื้อต่อครั้ง 168,000 กว่าตัว ระยะเวลาเลี้ยงต่อครั้ง 45 วัน ได้รับความเดือดร้อน ทั้งในเรื่องกลิ่นเหม็น ,แมลงวัน เสียงดังจาพัดลม ,และน้ำจากฟาร์มที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคชาวบ้าน ร่วมถึงน้ำที่ไหลเรี่ยราดตอนขนส่งไก่ด้วย และฟาร์มดังกล่าวก็ยังไม่มีใบอนุญาตในการเลี้ยง ที่สำคัญได้มีบุคคลแอบอ้างนำรายชื่อชาวบ้านหนองขวาว-ไซร์ลวก หมู่ ๒ ว่ายินยอมให้เลี้ยงไก่อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านนั้นยอมไม่ได้

โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือต่อทางองค์ การบริหารส่วนตำบลชุมแสง ถึงความเดือดร้อนดังกล่าวแล้ว และให้ทางฟาร์มดังกล่าวดำเนินการแก้ไขภายใน 3 เดือน แต่ก็หายเงียบไป ชาวบ้านก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากฟาร์มดังกล่าวอยู่เหมือนเดิม จึงได้พากันยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ตามความต้องการของชาวบ้าน คือให้ฟาร์มดังกล่าวยุติการเลี้ยงไก่และย้ายออกจากพื้นที่
โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่า เรื่อง ร้องเรียนให้มีคำสั่งให้ บริษัท เอส ที เจ ฟาร์ม จำกัด หยุดประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อที่ไม่มีใบอนุญาต ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามกฎหมาย
เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ตามที่ชาวบ้านหนองขวาวไซร์ลวก หมู่ ๒ ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ปรากฎตามสื่อออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ เกี่ยวกับความ เดือดร้อนที่ได้รับจากการเลี้ยงไก่เนื้อของบริษัท…ในพื้นที่หมู่บ้านหนองขวาว-ไชร์ลวก หมู่ ๒ ตำบลชุมแสง ฯ มานานกว่า ๒ ปี โดยบริษัทดังกล่าว มีกระบวน การเลี้ยงไก่เนื้อจำนวนมาก การขนถ่าย หรือกิจกรรมอื่นที่ก่อให้เกิดมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดปัญหากลิ่นเหม็น แมลงวัน และเสียงดังรำคาญ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของขาวบ้านมานานกว่า ๒ ปี โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕-) หมวด ๗ กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มาตรา ๓๓ ที่ห้ามมิให้ผู้ใดดำเนิน กิจการตามประเภทที่มีข้อกำหนดของท้องถิ่นกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมตามมาตรา ๓๒ (๑)ในลักษณะ ที่เป็นการค้า เว้นแต่ จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา ๕๖
ทั้งนี้ ได้มีหน่วยงานราชการ ที่เกี่ยวข้องได้มาร่วมตรวจสอบและกำหนดระยะเวลาในการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน ๔ เดือน สิ้นสุดในห้วง เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เมื่อครบกำหนดเวลาบริษัท ฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต่อมาให้เวลาแก้ไขต่ออีก ๓ เดือน สิ้นสุดในห้วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗ ก็ยังมีกลิ่นเหม็นเช่นเดิม ชาวบ้านยังได้รับผลกระทบจากมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้านกลิ่นเหม็น แมลงวันและเสียงดังรำคาญอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริง บริษัทดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕0) หมวด ๕ เหตุรำคาญ มาตรา ๕ ในกรณีที่มีเหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยใน บริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ (๒) การเลี้ยงสัตว์ในที่หรือโดยวิธีใด หรือมีจำนวนเกินสมควรจนเป็นเหตุให้เสื่อม หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (๓) อาคารอันเป็นที่อยู่ ของคนหรือ สัตว์ โรงงานหรือสถานที่ประ กอบการใด ไม่มีการระบายอากาศ การระบายน้ำ การกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือการควบคุมสารเป็นพิษ หรือมีแต่ไม่มีการควบคุมให้ปราศจากกลิ่น เหม็นหรือละอองสารเป็นพิษอย่างพอเพียง ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ด้านมลพิษทางอากาศและเสียง ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔2 อาคารที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง มีการใช้อาคารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้แก้ไขได้ ถ้าไม่แก้ไขสั่งให้รื้อถอนได้
จะเห็นได้ว่า บริษัทดังกล่าวมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมายหลายกรณี สาเหตุสำคัญ กิจกกการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่แรก โดยองค์กรบริทาส่วนตำบลขุมแสงไม่ได้ปะชุมปะชาคมขาวบ้านแม้แต่รั้งเดียวก่อนการอนุญาติให้บริษัทดังกล่าวสร้างอาคารเพื่อเลี้ยงไก่ ซึ่งการประชาคมควรต้องทำให้ครอบคลุมหมู่ บ้านข้างเคียงที่อาจได้รับผลกระทบด้วย แต่ได้มีบุคคลแอบอ้างนำรายชื่อชาวบ้านหนองขวาว- ไซร์ลวก หมู่ ๒ ว่ายินยอมให้เลี้ยงไก่ ปัจจุบันปรากฎข้อเท็จจริงว่ายังมีกลิ่นเหม็น และเสียงดังรำคาญรบกวนชาวบ้านอยู่ ชาวบ้านได้ร้องเรียนทั้งวาจาและหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลชุมแสง เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม 2567 แต่องค์การส่วนตำบลชุมแสงไม่ได้ตอบกลับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว เพื่อชี้แจงถึงขั้นตอนกระบวนการว่าทำถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร แต่ยอมรับเป็นนัย ๆว่าทำไม่ถูกต้องข้ามขั้นตอนจริง และยังคงให้บริษัทฯ แก้ไขช้ำ ๆ ซากๆ ซึ่งก็รู้ว่าไม่สามารถแก้ไขได้ โดยไม่ได้ ยกระดับเข้มงวดหรือมีมาตรการเด็ดขาดโดยเคร่งครัด และไม่ได้พิจารณาดำเนินการแก้ไข “จากต้นเหตุ”ที่มีการแอบอ้างชื่อชาวบ้านว่ายิน ยอมให้เลี้ยงไก่ ซึ่งทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ดังนั้น จึงขอความช่วยเหลือมายังผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โปรดให้มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยให้มีคำสั่งให้ บริษัท เอส ที เจ ฟาร์ม จำกัด หยุดประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามกฎหมายโดยด่วน / หรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ให้มีการระงับ/หยุด/เลิก การประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อ ของบริษัทดังกล่าวในพื้นที่หมู่บ้านหนองขวาว-ไซร์ลวก ตำบลชุมแสง โดยด่วน เนื่องจากกระบวนการในการก่อสร้างไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่แรก โดยได้มีการแอบอ้างชื่อชาวบ้านว่ายิน ยอมให้เลี้ยงไก่แต่ชาวบ้านหนองขวาว-ไซร์ลาก ไม่ได้ยินยอมให้เลี้ยงไก่และต้องการให้บริษัทดังกล่าวหยุดเลี้ยงไก่โดยเร็วและย้ายกิจการออกไปจากพื้นที่หมู่บ้านต่อไป เพื่อคืนอากาศหายใจที่บริสุทธิ์ให้ชาวบ้านโดยเร็ว ทุกวันนี้ต้องทนทุกข์จากกลิ่นเหม็น ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขเหมือนเช่นที่ผ่านๆ มา ภาวะเครียด วิตกกังวลกันถ้วนหน้า (หากไม่หยุดเลี้ยงไก่ชาวบ้านต้องทนเหม็นต่อไปเรื่อยๆตลอดชั่วลูกชั่วหลานแน่นอน) ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวยังมีการเลี้ยงไก่อย่างต่อเนื่อง และมีกลิ่นเหม็นต่อเนื่อง แต่ไม่มีหน่วยงานไหนทำอะไรได้เลย แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมายตั้งแต่แรกก็ ตามจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการโดยเร่งด่วนผลการดำเนินการเป็นประการใดได้โปรดแจ้งมายังพวกเราชาวบ้านหนองขวาว-ไชร์ลวกด้วย
นางเฉลา เซลม์ ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านได้มาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เพราะพวกเราได้รับผลกระทบมานานสองปีแล้ว โดยที่ชาวบ้านไม่ได้ยินยอมและมีการแอบอ้างรายชื่อทำประชาคม และตอนนี้ฟาร์มก็ยังไม่มีใบอนุญาตการเลี้ยงสัตว์แต่ก็มีการเลี้ยงมาสองปีแล้ว ชาวบ้านได้รับผลกระทบทั้งกลิ่นเหม็นทั้งเสียงดัง ทั้งการขนส่ง แมลงวันและน้ำที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ห่างจากฟาร์มประมาณ 550 เมตร ซึ่งฟาร์มเลี้ยงไก่ลงไก่แต่ละครั้งประ มาณ 168,000 กว่าตัว ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลชุมแสง เจ้าของพื้นที่ ซึ่งก็ได้มีการจัดประชุมเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้มาประมาณ 2-3ครั้ง และพวกเราชาวบ้านก็ให้เวลาแก้ไขตั้งแต่เดือนกันยา 2566 จนกระ ทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไข ซึ่งสิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือให้ย้ายฟาร์มออกนอกพื้นที่หรือปิดฟาร์มไปเลย เพราะว่าหมู่บ้านเราอยู่มาก่อนเป็น 100 ปีมาแล้ว เมื่อก่อนเราอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไม่มีกลิ่นเสียงมารบกวน และอีกอย่างฟาร์มดังกล่าวมีแค่ใบอนุญาตสร้าง แต่ใบอนุญาตเลี้ยงยังไม่มี ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าปล่อยให้เลี้ยงได้อย่างไรถึงตอนนี้ก็สองปีกว่าแล้ว แล้วทุกครั้งที่เลี้ยงชาวบ้านก็จะได้รับผลกระทบรุนแรงมาก ตอนนี้มีการทั้งหมดถึง 8 โรงเรือน ไก่ทั้งหมด 168,000 กว่าตัว เลี้ยงแต่ละ ใช้เวลา 45 วัน ทั้งเหม็นทั้งเสียงดังจากพัดลมฟาร์มไก่ชาวบ้านจึงอยากให้หน่วยงานทางจังหวัดได้ติดตามแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงมาพบกับกลุ่มชาวบ้าน พร้อมรับหนังสือร้องเรียนและพาชาวบ้านเข้าไปยังห้องประชุม เพื่อหารือและหาข้อยุติให้กับชาวบ้าน โดยมีนายสันทัด แสงทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยงานปศุสัตว์ ในการหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและข้อเรียกร้องของชาวบ้าน โดยใช้เวลาพูดคุยกันร่วม 2 ชั่วโมง
นางเฉลา เซลม์ ตัวแทนชาวบ้านเปิดเผยหลังมีการประชุมหารือว่า ตอนนี้ทางรองผู้ว่าฯได้รับเรื่องไว้แล้วจะลงไปให้ทางฟาร์มไก่แก้ไข คือจะให้วิศวกรลงมาดูแล้วให้แก้ไข แต่ตนก็ได้ฝากทางจังหวัดทั้งสาธารณสุขทั้งปศุสัตว์และท่านรองผู้ว่าฯให้ช่วยดูในเรื่องการแอบอ้างรายชื่อของชาวบ้านในการทำประชาคมสร้างฟาร์มไก่ อีกเรื่องก็คือการเลี้ยงไก่โดยไม่มีใบอนุญาตมาสองปีกว่าทำไมถึงปล่อยให้เลี้ยงได้ ซึ่งในการพูดคุยในห้องประชุมกันในวันนี้ ผลที่ออกมาเราก็ไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เราก็เห็นใจหน่วยงานราชการ แต่ถ้าถามว่าพอใจไหมก็คือไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะว่าความต้องการของเราจริงๆคือต้องการให้ฟาร์มย้ายออกหรือปิดฟาร์ม เพราะว่าเหมือนการติดกระดุมเม็ดแรกผิดจะมาให้เม็ดที่สองถูกมันคงไม่ใช่ คือต้องดูในเรื่องแรกก่อนๆที่จะมาพูดถึงเรื่องที่สอง อีกอย่างเราให้เวลาแก้ไขมานานแล้ว หน่วยงานอบต.พื้นที่ก็ให้แก้ไขแล้ว พอมาถึงจังหวัดทางจังหวัดก็ให้แก้ไขอีก ซึ่งการแก้ไขก็มีไม่มีกำหนดระยะเวลาทางสาธารณสุขบอกว่ากำหนดเวลาไม่ได้เพราะการแก้ไขต้องใช้เวลานานพอสมควร อาจจะ 90 วันหรือมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากปัญหาในเรื่องดังกล่าว ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจะเดินหน้าในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดต่อไป.
วรกิตติ์ เครือศรี จ.สุรินทร์
Discussion about this post