ปราจีนบุรี ไอ้หนุ่มซาเล้งล้วงคองูเขียวลักของผู้ใหญ่บ้าน

วันที่ 1 กค.67 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรีได้รับแจ้งจากนางพรทิพย์ ลำพอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ว่าคนขับรถซาเล้งรถพ่วงข้างลักเหล็กขนาดใหญ่ไปขายให้กับทางร้านรับซื้อของเก่าภายในหมู่บ้าน กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพของชายหนุ่มคนที่ขับรถซาเล้งลักเหล็กไปขายได้อย่างชัดเจน โดยชายหนุ่มคนดังกล่าวขับรถซาเล้งพ่วงข้างบรรทุกท่อนเหล็กขนาดใหญ่ยาวไม่ต่ำกว่า 5 เมตรออกจากสวนของผู้ใหญ่บ้านไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในหมู่บ้านระยะทาง 2 กิโลเมตร

ผู้ใหญ่พรทิพย์ กล่าวว่าจากการดูภาพกล้องวงจรปิดพบเห็นชายวัยกลางคนสูงวัยไม่ทราบชื่อและนามสกุล ตามภาพปรากฏในกล้องวงจรปิดพบว่าชายที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด มีรูปร่างผอมสูงผิวสองสีขับรถซาเล้งพ่วงข้างบรรทุกท่อนเหล็กไปขายที่ร้านค้ารับซื้อของเก่าในหมู่บ้าน ซึ่งชายหนุ่มคนดังกล่าวขับรถซาเล้งพ่วงข้างสีแดงใส่กางเกงขายาวสีดำเสื้อแขนกุดสีดำมีผ้าโพกหัวสีฟ้า ขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างบรรทุกท่อนเหล็กไปขายให้กับร้านขายของเก่า โดยทางร้านรับซื้อของเก่าบอกว่าชายที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิดบอกว่าเหล็กที่นำมาขายเป็นของตนเองซึ่งตั้งใจว่าจะนำมาสร้างบ้านแต่ไม่คิดที่จะสร้างบ้านแล้ว จึงนำท่อนเหล็กดังกล่าวมาขายเป็นของเก่า

นางกิตตินุช ขอสงวนนามสกุล ภรรยาเจ้าของร้านรับซื้อของเก่ากล่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายชายหนุ่มสูงวัยไม่ทราบชื่อได้บันทึกท่อนเหล็กขนาดใหญ่ยาวประมาณ 6 เมตรมาขายให้กับทางร้านรับซื้อของเก่า โดยชายคนดังกล่าวยืนยันว่าเป็นตนเองซึ่งตั้งใจว่าจะนำมาสร้างบ้าน ไม่ได้สร้างบ้านแล้วจึงนำเอาเหล็กที่เหลือใช้มาขายเป็นของเก่า ร้านได้ซื้อเหล็กกล่องขนาดหน้า 5ยาว 6 เมตร โดยทางร้านรับซื้อในราคา 1,200 บาท นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้กับเจ้าของร้านและจะให้ไปเอาเหล็กที่เหลืออยู่ได้เลย ยังมีเหล็กอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

และนอกจากพบเหล็กกล่องที่ถูกขโมยมาขายให้กับร้านซื้อของเก่าแล้ว ยังครับท่อ PVC ซึ่งเป็นท่อน้ำประปาอีกจำนวนหนึ่ง และพบเหล็กแป๊บที่ถูกตัดเป็นท่อนๆประมาณ 10 ท่อนซึ่งผู้ใหญ่บอกว่าน่าจะเป็นของตนเองที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวลักเอามาขาย สิ่งของทั้งหมดที่กล่าวมาอยู่ในบ้านสวนได้หายไปจริง หลังจากได้รวบรวมภาพกล้องวงจรปิดแล้วจะเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่​ สภ. นาดี เพื่อให้ทางตำรวจตามจับกุมตัวบุคคลต้องสงสัยที่ปรากฏอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ และจากการสอบถามประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงทราบว่า บุคคลในภาพได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่คนละหมู่บ้านซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน คาดว่าน่าจะตามหาตัวได้ไม่ยากเพราะมีทั้งเบอร์โทรศัพท์และมีพยานบุคคลยืนยันว่าบุคคลภายในภาพได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลแก่งดินสอ