
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจากหลายอำเภอในจังหวัดน่านได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องมาตรการและนโยบายจากรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับราคาข้าวโพดที่ตกต่ำในปัจจุบัน โดยมีนายรัตน์ ครุฑนา เป็นแกนนำ และมีตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเข้าร่วมชุมนุมมากกว่า 100 คนเพื่อส่งเสียงถึงรัฐบาลผ่านกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ
กลุ่มเกษตรกรได้ยื่นข้อเรียกร้องจำนวน 6 ข้อ ซึ่งรวมถึงการขอให้รัฐบาลกำหนดราคาขั้นต่ำและดำเนินการปรับปรุงมาตรการการรับซื้อข้าวโพดในตลาด ดังนี้:
- การกำหนดราคาขั้นต่ำ : ปัจจุบันราคารับซื้อข้าวโพดในตลาดตกต่ำมาก อยู่ที่เพียง 3-4 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพของเกษตรกร ส่งผลให้พวกเขาเรียกร้องให้รัฐเข้ามากำหนดราคาขั้นต่ำอย่างน้อยที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะข้าวโพดที่มีความชื้น 30%
- มาตรการสัดส่วนการรับซื้อ 3/1 : เกษตรกรขอให้รัฐคงมาตรการรับซื้อข้าวโพดในประเทศในสัดส่วน 3 ส่วนของผลผลิตในประเทศต่อการรับซื้อจากต่างประเทศ 1 ส่วน เพื่อป้องกันการนำเข้าจากต่างประเทศมากเกินไปจนกระทบราคาภายใน
- ระยะเวลาการนำเข้า : ขอให้กำหนดระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศให้สอดคล้องกับช่วงเวลาเก็บเกี่ยวของเกษตรกรภายในประเทศ เพื่อไม่ให้ผลผลิตในประเทศเกิดการล้นตลาด
- การชดเชยรายได้ : เกษตรกรร้องขอการชดเชยรายได้ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาที่ต่ำเกินไป ซึ่งไม่ควรเกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน
- เพิ่มช่องทางการตลาด : เกษตรกรเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมการตลาดและสร้างช่องทางการจำหน่ายที่มากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง
- เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน : กลุ่มเกษตรกรขอเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาที่เผชิญและความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ ที่เคยยื่นข้อเสนอ
สถานการณ์ตลาดข้าวโพดในปัจจุบันราคารับซื้อข้าวโพดที่ตกต่ำในปีนี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการนำเข้าข้าวโพดอาหารสัตว์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า ส่งผลให้ตลาดภายในประเทศมีการกดดันราคาข้าวโพดในประเทศลงสู่ระดับต่ำ นอกจากนี้ สินค้าทดแทน เช่น ข้าวบาเล่ย์ ก็มีการนำเข้าจำนวนมากทำให้เกิดการแย่งตลาดข้าวโพดในประเทศ
จากข้อมูลตลาดพบว่าความต้องการข้าวโพดจากภาคการผลิตอาหารสัตว์ในประเทศยังมีอยู่มาก แต่ปริมาณผลผลิตข้าวโพดภายในประเทศที่ออกสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกันทำให้ราคาข้าวโพดลดลง เนื่องจากมีปริมาณมากเกินกว่าความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ ประกอบกับการที่ตลาดไม่มีการคุ้มครองหรือรักษาราคาขั้นต่ำ ทำให้ราคาข้าวโพดผันผวนอย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกรในปัจจุบัน
ต่อมาในเวลา 11.00 น. นายปัญญา เทวาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้เดินทางมาพบปะกับกลุ่มเกษตรกรเพื่อรับฟังและชี้แจงมาตรการต่างๆ ที่จังหวัดจะนำเสนอไปยังกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ โดยรายละเอียดดังนี้:
- ขอความร่วมมือจากผู้รับซื้อให้กำหนดราคารับซื้อคงที่เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อลดความผันผวนของราคาขายข้าวโพด
- รัฐจะพิจารณาลดระยะเวลาการนำเข้าวัสดุอาหารสัตว์จากต่างประเทศ เพื่อป้องกันการกดดันผลผลิตภายในประเทศในช่วงที่ข้าวโพดออกสู่ตลาด
- ยืนยันการรักษาสัดส่วนการรับซื้อข้าวโพด 3 ส่วนภายในประเทศต่อการนำเข้าจากต่างประเทศ 1 ส่วน รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้าวบาเล่ย์
- ขอให้มีมาตรการรับซื้อข้าวโพดในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับข้าวโพดที่มีความชื้น 30% ขึ้นไป
- รัฐจะดำเนินการเยียวยาเกษตรกรในอัตราไร่ละ 1,000 บาทต่อครัวเรือน ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน
- เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดน่านติดราชการอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงไม่สามารถเข้าพบกลุ่มเกษตรกรในวันนี้ได้
หลังจากรับฟังการชี้แจงจากรองผู้ว่าราชการจังหวัด กลุ่มเกษตรกรได้ตกลงยุติการชุมนุมชั่วคราวเมื่อเวลา 12.10 น. โดยให้เวลาภาครัฐในการดำเนินการ 1 สัปดาห์ หากยังไม่มีความคืบหน้าหรือการตอบสนองที่ชัดเจน กลุ่มเกษตรกรจะยกระดับการชุมนุมอีกครั้ง โดยมีแผนที่จะทำการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น การเทข้าวโพดทิ้งบนถนนและการปิดถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลรับฟังปัญหา
@@@@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
Discussion about this post