วันที่ 24 พฤศจิกายน นางสาวศิรินันท์ อายุ 35 ปี จ.ประจวบฯ พาผู้เสียหายพร้อมลูกชายเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.อรรถพล ชุมคง สว.(สอบสวน) สภ.บางสะพาน โดยแจ้งว่ามีรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ของรัฐแห่งหนึ่งพื้นที่ อ.บางสะพาน เข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านก่อนจะสั่งให้เด็ก ๆ ทั้งหมดขึ้นไปบนหลังรถยนต์กระบะโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่เด็ก ๆ กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ถืออยู่บริเวณหน้าบ้านริมถนนติดกับร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ ก่อนจะนำตัวเด็ก ๆ เป็นเยาวชนทั้งหมดจำนวน 10 คน พาขึ้นรถไปจากนั้นมีการทำร้ายร่างกายเด็กโดยการ ตบ ทุบ ตี ก่อนจะปล่อยตัวกลับ เหตุเกิดเวลา ประมาณ22.00 น.ของวันที่ 21 พ.ย. 67 หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงนำเรื่องร้องสื่อให้ช่วย
คุณยายคชพร อายุ 64 ปี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะนั้นเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่งในวันเกิดเหตุ หลานสาววิ่งขึ้นมาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมาจับเอาเพื่อนๆและน้องไปรวม 10 คน และยังไม่ทราบว่าเหตุใดจึงต้องจับเด็ก ๆ ไป โดยไม่แจ้งผู้ปกครองให้ทราบเสียก่อน จากนั้นตนจึงโทรหาหลานซึ่งเป็นแม่ของน้องกายอยู่ในกลุ่มที่ถูกจับตัวไป เนื่องจากยังไม่ทราบเหตุใดเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเด็กทั้ง 10 คน ออกไปจากเคหสถานไม่แจ้งเสียก่อนจะนำพาเด็ก ๆ ไปจากผู้ปกครองเนื่องจากยังเป็นเยาวชนอยู่หวั่นเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับหลานๆของตนเอง
นางสาวศิรินันท์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า หลังจากตนทราบเรื่องจากยาย จึงรีบเดินทางไปที่ดังกล่าว เพื่อเข้าสอบถามเรื่องราวเหตุได้จึงจับเด็ก ๆ ซึ่งยังเป็นเยาวชนทั้งหมดมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้นานหลายชั่วโมง แต่ไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จากนั้นตนจึงขอเข้าไปนั่งรวมอยู่กับหลานๆภายในห้อง เนื่องจากตนเห็นพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งตบหัวหลานอย่างแรงหลายครั้ง ระหว่างนั้นมี เจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งนำตัวน้องกายออกมาจากห้อง ตนสังเกตุเห็นว่าน้องมีอาการเดินตัวงอเหมือนคนปวดท้องจึงถามไปว่าเป็นอะไร แต่ ตชด.รายนี้ตอบแทนอ้างว่าน่าจะกินน้ำกระท่อมมากไปหรือเปล่า พร้อมสั่งให้ทำประวัติการจับกุมของเด็กทั้งหมดแล้วปล่อยตัวกลับ
นางสาวศิรินันท์ เล่าต่อและว่า หลังจากตนพาเด็ก ๆ ทั้งหมดกลับออกจากค่ายฯถึงบ้าน จึงสอบถามเหตุการณ์เรื่องราวจากคลิปวีดีโอบริเวณหน้าร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นญาติบ้านติดกัน โดยเด็ก ๆ เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นกลุ่มเด็กและเพื่อน ๆ กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นมีชายใส่เสื้อแดงครึ่งดำ กางเกงพับขาสามส่วนสีดำแต่ไม่ทราบยศตำแหน่ง มีอาการคล้ายคนเมาเดินเข้ามาหน้าร้านพร้อมกวักมือเรียกให้เด็กเดินมาหาแล้วกอดคอพูดคุย ทราบถายหลังเป็นคนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางสะพานให้เข้ามาตรวจสอบเหตุมั่วสุมบริเวณดังกล่าวหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นแล้วไม่พบอะไรจึงเดินทากกลับ แต่ เจ้าหน้าที่กร่างรายนี้อาจไม่พบใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการอะไร จึงโทรสั่งลูกน้องในค่ายฯให้นำรถยนต์กระบะมาที่จุดเกิดเหตุบริเวณหน้าร้านจำหน่ายแบตเตอรี่จุดเกิดเหตุเพื่อมานำตัวเยาวชนทั้งหมดอ้างมั่วสุมให้นำตัวไปที่ ค่าย พร้อมสั่งตรวจฉี่เด็ก ๆ ทั้งหมด ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่กร่างรายนี้ใช้อำนาจใดสั่งควบคุมตัวเด็ก ๆ ซึ่งยังเป็นเยาวชนทั้งหมดพาไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ และยังทำร้ายร่างกายเด็กโดยการ ทุบ ตี ซ้อมเด็กจนระบมไปทั้งตัว ทั้งยังนำเด็กตรวจฉี่หาสารเสพติดโดยไม่มีผู้ปกครองคอยควบคุมดูแลขณะที่ไม่พบสารเสพติดใด ซ้ำยังใช้กฎเหล็กกล่าวโทษแจ้งขอกล่าวหาเด็ก ๆ ว่ามั่วสุมเกินจำนวน ทำบันทึกประจำวันรายงานนายแล้วปล่อยตัวเด็กกลับ ซึ่งตนเห็นว่าการกระทำของ เจ้าหน้าที่กร่างรายนี้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการนำพาเด็ก ๆ ออกไปจากเคหสถานควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบเสียก่อน เนื่องจากทั้งหมดยังเป็นเยาวชน และหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับเด็ก ๆ อาจมีอันตรายเกิดขึ้นไครจะรับผิดชอบ เนื่องจากเด็ก ๆ บอกว่าโดนเจ้าหน้าที่บางรายซ้อมจนระบมไปทั้งตัว
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ โดยจุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นบ้านห้องแถวติดถนนเพชรเกษมขาขึ้นหน้าบ้านเปิดเป็นร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ สอบถามนายมนัส เจ้าของร้านแบตเตอรี่เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีชุดเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมานั่งดื่มสุรากันอยู่ซึ่งห่างจากบริเวณร้านของตนที่เด็ก ๆ กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ ดูปลากัดกันอยู่ห่างไม่มากนัก จากนั้นมีเสียตะโกนให้เบาหน่อย ซึ่งตนก็เห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ได้เสียงดังอะไรมาก หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บางสะพาน และเจ้าหน้าที่ปกครองเข้ามาขอตรวจค้นเนื่องจากมีผู้ร้องโทรไปว่าใช้เสียงดังรบกวน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเสร็จไม่มีเหตุก็เดินทางกลับ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่กร่างดังกล่าวก็โทรให้รถยนต์กระบะในค่ายฯมานำตัวเด็กทั้งหมดรวม 10 คน ไปที่ค่ายฯโดยไม่มีการบอกกล่าวให้ผู้ปกครองของเด็ก ๆ ทราบแต่อย่างใด ตนมาทราบข่าวภายหลังว่าเด็ก ๆ ที่ กลุ่มเจ้าหน้าที่กร่างนำพาไปนั้นถูกซ้อมจนระบมไปทั้งตัว จึงให้ผู้ปกครองและญาตินำเรื่องราวเข้าไปปรึกษากับ พ.ต.อ.เอกราช หุ่นงาม
ที่ปรึกษาสมาชิกวุฒิสภา จ.ประจวบฯ ให้ช่วยเนื่องจากผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการตำรวจเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนจะนำเรื่องไปร้องให้สื่อช่วยติดตาม
สุรยุทธ ยงชัยยุทธ/ประจวบ
Discussion about this post