
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.นายสุชาติ กนกรัตน์มณี ประธานชมรมตามรอยเจ้าตาก พร้อมด้วย นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการศาสนา นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความด้านพระพุทธศาสนา มือปราบเงินทอนวัด ได้ยื่นหนังสือต่อนายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ.) โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ถึงวันที่ 21 ก.ย.2554 นายมน(ขอสงวนชื่อนามสกุล) กับพวก ได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และพักอาศัยอยู่ในบริเวณโบราณสถานแห่งหนึ่ง ในจ.ตาก พศ.ได้ดำเนินคดี ศาลมีคำพิพากษาลงโทษนายมนฯแล้ว แต่ปรากฏว่านายมนฯได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และกลับมาพักอาศัยในบริเวณดังกล่าว บุกรุกเรียกขานสถานที่ขึ้นใหม่ เป็นชื่อวัด และแสดงตนเป็นเจ้าอาวาส ต่อสาธารณชน สื่อออนไลน์ จะจัดกิจกรรมอุปสมบท รับเงินบริจาคในวันที่ 15-25 เม.ย.2568 ทั้งที่ไม่มีอำนาจกระทำการเนื่องจากเป็นวัดร้าง
“ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 มาตรา 32 ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถานมีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การที่พระสมสร้างความเข้าใจผิด บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อแสดงว่าตนมีอำนาจปกครองโบราณสถานซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 ( 1 ) ด้วย พระมนฯมีสังกัดวัดอื่น แต่ได้มาจำพรรษา พำนักอยู่ที่วัดดังกล่าว เป็นพฤติการณ์ของภิกษุซึ่งไม่ปรากฏว่าสังกัดอยู่วัดใดวัดหนึ่งแน่ชัด ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา27 (2 ),(3 ),(4 ) และกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ข้อ 3 (2 ) ในกรณีพระภิกษุไม่มีวัดอยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ ขอให้ พศ.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของท่าน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ตั้งอธิกรณ์พิจารณาทางพระธรรมวินัย และดำเนินคดี”นายสุชาติ กล่าว
นายจตุรงค์ กล่าวว่า ในการทำกิจกรรมรับเงินบริจาคที่จะถึง มีการอ้างพระผู้ใหญ่ใน เป็นเจ้าภาพ ซึ่งไม่รู้ว่า เป็นความจริงหรือไม่ และการบริจาคถ้าใช้การแสกนเข้าคิวอาร์โค้ดจะเป็นบัญชีบุคคล ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีรถหรูใช้
Discussion about this post