
ความคืบหน้า กรณีประเด็นเรือต้นแบบ เรือเก็บวัชพืชลอยน้ำแบบอัดก้อน มูลค่าเกือบ 77 ล้านบาท ของกรมชลประทานที่จมน้ำในเขื่อนกิ่วลม บริเวณท่าหมู่บ้านสำเภาทอง ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ทั้งๆที่เรือดังกล่าวเพิ่งนำมา ที่เขื่อนกิ่วลมเมื่อปลายปี 2566 โดยทางบริษัทโชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง ผู้รับจ้าง จากสำนักวิจัยและพัฒนาเพื่อฝึกอบรมการใช้งานและระบบของเรือเพื่อใช้งานแก่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานที่2ลำปางและเจ้าหน้าที่เขื่อนกิ่วลม แต่หลังจากนั้นเรือลำดังกล่าวก็ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน และจมน้ำ จนกระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้มีการพลิกเรือขึ้นแต่ก็ยังจมอยู่ในโคลนจนถึงวันนี้
ล่าสุดวันนี้ นายกุลธร รัตนเสรี ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา (เสื้อสีขาว) และ นายนิพลน์ ศรีวิลัย หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา (เสื้อชมพู) ได้เปิดเผยว่า เรือลำดังกล่าวทางเขื่อนกิ่วลม ยังไม่ได้รับมอบจากสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะใช้เรือดังกล่าวได้
ส่วนกรณีที่เรือจมน้ำ ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ในวันเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่มาพบในเช้าอีกวันหลังเกิดลมพายุพัดแพที่ดึงเรือไว้จมใต้น้ำซึ่งมีความลึกถึง8 เมตร โดยพบเพียงเชือกที่มัดกับต้นไม้และแพ ส่วนตัวเรือไม่เห็น จนกระทั่งเดือนที่ผ่านมาน้ำลดลง ทำให้ จนท.ดำลงไปดูและช่วยพลิกเรือจากที่ตะแคงให้กลับขึ้นมาแต่ด้วยที่น้ำลึกจึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ส่วนโครงการดังกล่าว จะมีการเบิกเงินเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบเพราะไม่ใช่เจ้าของโครงการ ซึ่งหลังจากที่มีการสอน จนท.ใช้ระบบการทำงานของเรือแล้ว ก็ไม่ได้นำเรือใช้ทำงานจริงแต่อย่างใด เนื่องจากทางสำนักวิจัยและพัฒนาไม่ได้ส่งมอบเรือให้กับทางเขื่อนกิ่วลม จนถึงวันนี้ ก็ต้องรอว่า ทางสำนักวิจัยและพัฒนา จะเข้ามาตรวจสอบความเสียหายของเรือไม่ไหร่ทางเขือนเพียงแต่อำนวยความสะดวกในพื้นที่ในการจอดเรือเท่านั้น
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บานสำเภาทอง ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวและเป็นชาวแพ ที่ให้บริการด้านท่องเที่ยวทางน้ำในเขื่อนกิ่วลม และได้ไปสอบถามชาวบ้านถึงเรือต้นแบบดังกล่าว ว่าจอดจมอยุ่จุดไหน ซึ่งปรากฎว่าเรือดังกล่าวขณะนี้จอดจมโคลนอยู่ในน้ำ (เดิมน้ำจะมีปริมาณสูง) แต่ขณะนี้น้ำลดลงมาก สภาพเรือแทบดูไม่ได้และไม่แน่ใจว่าจะใช้งานได้หรือไม่.