
จากกรณีประเด็นดราม่าของคนเสื้อแดงในปทุมธานี ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการที่นายศรรัก มาลัยทอง แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานีเดินทางเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ที่มีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคอยู่ จนมีการโต้เถียงถึงเรื่องของอุดมการณ์ที่เปลี่ยนไปนั้น
ล่าสุดจากประเด็นดังกล่าวนายศรรัก มาลัยทอง แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าวันนี้ต้องยอมรับว่าพรรคกล้าธรรมนั้นแยกไม่ออกกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคกล้าธรรมนั้นทำงานให้กับทางรัฐบาลเกิน100%โดยเฉพาะ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมทำงานให้กับประชาชนจนเป็นที่ยอมรับ
ซึ่งในส่วนตัวตนเองนั้นนับถือร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เหมือนเป็นพี่ชายและตนได้ทำงานร่วมกับท่านมานานกว่า 3 ปีภายหลังจากท่านได้แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐที่อดีตมี คสช.รวมอยู่ด้วย พอท่านแยกออกมาเป็นพรรคส่วนตัวและร่วมกับรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลดังนั้นวันนี้จึงไม่มีอะไรที่จะปฏิเสธได้
โดยขณะนี้จะสังเกตุได้ว่าพรรคไหนๆก็ยังมีปัญหายังออกมาเดินขบวนกันอยู่เลย แต่สำหรับพรรคกล้าธรรมนั้นเป็นพรรคที่มีสโลแกน“ก้าวข้ามความขัดแย้ง”ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข สามัคคี และ จับมือกัน จึงเกิดเป็นวาระรัฐบาลแห่งชาติเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ตนในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงที่จะร่วมกับพรรคกล้าธรรมซึ่งมันไม่แปลกเลยเนื่องจากตนอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขและบ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าและที่สำคัญพรรคกล้าธรรมนั้นไม่มีตำหนิและเป็นพรรคเดียวที่อยู่ตรงกลางไม่มีความขัดแย้งกับใครทั้งสิ้นและจะสามารถสมานฉันท์ให้กับคนในประเทศได้ โดยจะเห็นได้ว่ายังมี นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เข้าไปเป็นประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ ที่จะร่วมทำงานให้กับบ้านเมือง
อีกทั้งในส่วนเรื่องที่เป็นประเด็นดราม่าของคนเสื้อแดงที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องอุดมการณ์นั้นตนขอยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ทิ้งพี่น้องคนเสื้อแดงไปไหนการสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรมนั้นตนไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ตนทำหน้าที่สมานฉันท์ก้าวข้ามความขัดแย้งและนำพาประชาชนเดินไปข้างหน้าตามสโลแกนของพรรคกล้าธรรมอยู่แล้ว โดยอดีตตนเป็นแกนนำคนเสื้อแดงและตอนนี้ตนก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งตนในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งจะนำประชาชนไม่ให้มีข้อพิพาทและไม่ให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนสมัยก่อนที่จะออกไปม็อบไปชนกันเองเหมือนก่อนเราไม่เอาแล้วเนื่องจากเราพิสูจน์แล้วว่าม็อบเมื่อปี 2553 นั้นเรายังจับคนร้ายไม่ได้ที่ทำร้ายพวกเราจนบาดเจ็บและวันนี้การเยียวยาการนิรโทษกรรมก็ยังไม่เกิด เพราะฉะนั้นควรมีพรรคตรงกลางทำให้เกิดนิรโทษกรรมและมีการเยียวยาบาดแผลทางใจให้กับพี่น้องประชาชนได้นั้นก็ต้องเป็นพรรคกล้าธรรมเท่านั้น
Discussion about this post