วันนี้ 16มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์ ดร.ธนากร เที่ยงน้อย กลุ่มวิชาการและหลักสูตร โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชย์กับพี่น้องเกษตรกรรายย่อย จากกรณีศึกษาเรียนรู้ร่วมกันถึงกระบวนการทำการเกษตร นำพาประสบการณ์ ความรู้ วิธีการใหม่ ๆ ในเรื่องของการเกษตรยุคใหม่ ซึ่งหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็ออกมาเสนอไอเดียที่ฉายภาพว่าการเกษตรของประเทศไทย
ในยุคนี้ต้องใช้นวัตกรรมมานำการเกษตร เช่น สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เสนอว่าการเปลี่ยนอนาคตการเกษตรของไทย จะต้องมี 6 เทรนด์ คือ เกษตรดิจิทัล เครื่องจักรกลเกษตร หุ่นยนต์ โดรนและระบบอัตโนมัติ การจัดการฟาร์มรูปแบบใหม่การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและขนส่ง บริการทางธุรกิจเกษตร และสุดท้ายเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร

ซึ่งได้มี เกษตรกรที่นำเอาเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้ในฟาร์มอย่างได้ผลดี โดยเกษตรกรจากเพียวพลัสฟาร์ม นครสวรรค์ ได้ดำเนินการจากงานวิจัยสู่ฟาร์มวัวเนื้อ โดยวิสาหกิจชุมชนเพียวพลัสฟาร์ม ตำบลพระนอน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดย ดร.นิติพล พลสา เกษตรกร คนรุ่นใหม่ที่นำความรู้ด้านวิชาการมาประยุกต์ใช้ในงานการเกษตร โดยนำเอาเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้คือการปรับปรุงพันธุกรรมจุลินทรีย์จากเทคโนโลยีพลาสมาพลังงานต่ำ โดยจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักเปลือกทุเรียนเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีตามธรรมชาติ คัดเลือกมาจากแหล่งอาหารและเป็นสายพันธุ์ที่ปลอดภัยต่อสัตว์ ต่อผู้ใช้และต่อสิ่งแวดล้อม
โดยจุลินทรีย์ที่ถูกคัดเลือกแล้วจะถูกปรับปรุงพันธุกรรมด้วยเทคนิคพลาสมาพลังงานต่ำ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นจากเดิม” จุลินทรีย์ที่ได้จากการปรับปรุงพันธุกรรมจะถูกคัดเลือกโดยดูจากคุณสมบัติหลายด้าน ผ่านการปรับปรุงพันธุ์ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาพลังงานต่ำจะได้จุลินทรีย์ปลอดสารเคมี 100 % จากนั้นจึงคัดเลือกจุลินทรีย์ที่มีลักษณะเด่น มีความสามารถย่อยสลายโครงสร้างพืชได้เร็วใช้เวลาเพียง 5-7 วัน และต้องเป็นจุลินทรีย์ที่มีความสามารถเพิ่มคุณค่าทางอาหารหรือโภชนะในของเหลือใช้ทางการเกษตรและสามารถยืดอายุการเก็บรักษาของเหลือใช้ทางการเกษตรได้นาน 6 เดือน”
จากความรู้และประสบการณ์จากศึกษา การทำวิจัยทำให้พบว่า ปัญหาด้านการปศุสัตว์ของเกษตรกรไทยคือ การแบกรับภาระต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูง จึงใช้เรื่องนี้มาเป็นโจทย์ตั้งต้นในการเริ่มกิจการเพียวพลัสฟาร์ม โดยมองว่าในประเทศไทยมีเศษวัสดุทางการเกษตรมากมายแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เศษวัสดุพวกนี้ถ้าไม่มีการจัดการเกษตรกรก็มักจะต้องเผาทิ้งซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ผมจึงนำเศษวัสดุเหล่านี้มาสร้างเป็นอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร” เพียวพลัสฟาร์มจึงได้ก่อตั้งขึ้นด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งการเลี้ยงวัวด้วยเปลือกทุเรียน คือของเหลือใช้ทางการเกษตรในบ้านเรามีมากมายหลากหลาย อย่างเช่น ในพื้นที่นครสวรรค์จะมีต้นงาที่เหลือจากการตีเมล็ดออกแล้ว ซังข้าวโพด ใบอ้อย หรือเปลือกทุเรียน จากการวิจัยพบว่า ต้นงาหลังจากการตีแยกเมล็ดออกแล้วนำมาผ่านกระบวนการหมักแบบไร้อากาศด้วยกลุ่มจุลินทรีย์ปรับปรุงพันธุกรรมใช้เวลาการหมัก 14 วัน ใช้เป็นอาหารวัวขุน พบว่าวัวกินได้ดีสามารถทดแทนอาหารหยาบได้
โดยคุณค่าทางอาหารหรือโภชนะต้นงาหลังการตีแยกเมล็ดแล้วนำมาหมักมีโปรตีน 8.48% เยื่อใยหยาบ 13.12% ไขมัน 3.42% การนำต้นงามาหมักทำอาหารสัตว์ยังลดการเผาทำลายก่อนจะเริ่มทำไร่งารุ่นต่อไป” ในส่วนของเปลือกทุเรียนนั้นทางเพียวพลัสฟาร์มจะหาเก็บเปลือกทุเรียนจากตลาดทั่วทั้งจังหวัดนครสวรรค์ นำมาผ่านการล้างทำความสะอาด ผ่านเครื่องตีย่อยเปลือกให้แตกเป็นชิ้นเล็กลงแล้วนำไปหมักแบบไร้อากาศด้วยกลุ่มจุลินทรีย์ปรับปรุงพันธุกรรมใช้เวลาหมักเพียง 5 วันก็สามารถนำมาให้วัวกินได้ “ผลจากห้องปฏิบัติการพบว่า เปลือกทุเรียนที่ผ่านการหมักพบว่ามีโปรตีน 13% ที่ผ่านมาได้มีการทดลองใช้อาหารหมักนี้กับฟาร์มวัวนมใน จ.พะเยา พบว่าสามารถลดต้นทุนค่าอาหารได้มากถึง 40% และไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพนม สามารถลดต้นทุนและได้กำไรมากถึง 29%”
สำหรับผลิตอาหารสัตว์ต้นทุนต่ำเลี้ยงสัตว์ได้หลากหลายเลี้ยงวัวด้วยเปลือกทุเรียน สามารถนำของเหลือใช้ทางการเกษตรในบ้านเราหลากหลายชนิดมาหมักเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ได้หลากหลายชนิด เช่น “เปลือกทุเรียนที่ใช้เวลาหมัก 5 วัน สามารถเก็บเอาไว้ใช้เลี้ยงสัตว์ได้นานถึง 1 ปี สามารถนำไปใช้เลี้ยงวัวขุน วัวนม หรือนำเปลือกทุเรียนที่ผ่านการหมักแล้วไปผสมกับกากถั่วเหลืองที่เหลือจากการทำน้ำเต้าหู้ก็สามารถนำไปลี้ยงหมูได้ดี ส่วนต้นงาที่หมักแล้วสามารถใช้เลี้ยงวัว แพะ แกะ เป็ดไก่ ได้ผลดี หรือจะนำต้นงาที่หมักแล้วไปผสมเป็นอาหาร TMR (Total mixed ration หรืออาหารผสมสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นจากการนำอาหารหยาบ และอาหารข้นมาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วนำไปเลี้ยงวัวนมวัวเนื้อ แทนการเลี้ยงแบบเดิม) และจากการศึกษาทดลองในอาหารที่ใช้เลี้ยงวัวแล้ว ดร.นิติพล จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและสำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดนครสวรรค์ สร้างวัวไทยวากิว ปากน้ำโพ จากการทำการย้ายฝากตัวอ่อนหรือ ET ((Embryo Transfer: ET) เพื่อที่จะสามารถคัดเลือกพันธุกรรมหรือลักษณะที่ดีจากวัวได้โดยไม่ต้องเลี้ยงวัวเป็นฝูง เพื่อสร้างวัววากิว วัวเนื้อสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเนื้อที่ราคาแพงที่สุดในโลก เนื้องจากการที่มีไขมันแทรกกระจายตัวไปกับเนื้อแดง ทำให้เนื้อนุ่ม สำหรับนำมาเข้าขุนที่เพียวพลัสฟาร์ม
เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในฟาร์ม คือเทคโนโลยีชีวภาพและนวัตกรรมที่เพียวพลัสฟาร์มนำมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงวัว ช่วยลดต้นทุนและสร้างผลิตภัณฑ์จำหน่ายในตลาดระดับพรีเมียม ดังนี้
1.ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อปรับปรุงกระบวนการเลี้ยงวัวให้มีประสิทธิภาพ ลดการใช้ยาปฏิชีวนะและเพิ่มคุณภาพของเนื้อ โดยใช้การคัดเลือกพันธุกรรมวัวด้วยเทคโนโลยีวิเคราะห์ DNA (Genetic Testing) เพื่อเลือกวัวที่มีคุณสมบัติทางพันธุกรรมที่ดีที่สุด เช่น โครงสร้างเนื้อดี (High Marbling Score) มีโครงสร้างกระดูกแข็งแรง เติบโตเร็ว เนื้อมีไขมันแทรกดี มีรสชาติดี ช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรม
2.การใช้จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ (Probiotics) ในอาหารสัตว์ เช่น Lactobacillus และ Bacillus subtilis ผสมในอาหารของวัว ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ลดปัญหาท้องอืดและป้องกันโรคในระบบทางเดินอาหาร และลดการปล่อยก๊าซมีเทน จากการย่อยอาหารของวัว ทำให้ฟาร์มเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
3.วัคซีนชีวภาพ ใช้วัคซีนชีวภาพ (Bio-Vaccines) ที่ผลิตจากโปรตีนและสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อลดการพึ่งพายาปฏิชีวนะ และใช้ Nano-Encapsulation Technology ในการพัฒนาอาหารเสริมสมุนไพร เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของวัว ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ลดปัญหาเชื้อดื้อยาในปศุสัตว์ ช่วยป้องกันโรคระบาด เช่น โรคปากเท้าเปื่อย และโรคปอดบวม
4.การจัดการฟาร์มด้วยระบบอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลวัวและการบริหารจัดการฟาร์ม โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ตรวจสุขภาพวัว (IoT Smart Farming) โดยใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ IoT ติดที่ตัววัวเพื่อตรวจสอบอาการป่วยเบื้องต้น ตรวจพฤติกรรมการกินอาหารและเดิน วัดระดับความเครียดของวัว ระบบนี้จะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยของวัว สามารถวินิจฉัยปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ต้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดอาหารให้วัว โดยปรับสูตรอาหารตามสุขภาพของวัวแต่ละตัว
5.Blockchain สำหรับการบันทึกข้อมูลฟาร์ม จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) เพื่อ บันทึกข้อมูลประวัติการเลี้ยงของวัวแต่ละตัว ข้อมูลสายพันธุ์และสุขภาพ ข้อมูลวันที่เข้าโรงเชือดและกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบที่มาของเนื้อวัวได้และป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล ช่วยให้มั่นใจว่าเนื้อที่จำหน่ายมาจากแหล่งที่มีคุณภาพ
6.พลังงานหมุนเวียนจากมูลวัว (Biogas & Renewable Energy)
โดยนำมูลวัวมาหมักในระบบปิด เพื่อผลิต ก๊าซชีวภาพ (Biogas) ใช้ก๊าซชีวภาพในการผลิตไฟฟ้า สำหรับใช้ในฟาร์ม นำน้ำหมักจากมูลวัวที่เหลือจาก กระบวนการผลิตถูกนำไปใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพในการปลูกหญ้าอาหารสัตว์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าในฟาร์ม ช่วยลดปริมาณของเสีย และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ซึ่งจะเป็นแหล่งศึกษาดูงานของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์ ดร.ธนากร เที่ยงน้อย โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ เบอร์โทร ศัพท์ 091 859 4560
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์
Discussion about this post