ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงขมุกขมัวไปด้วยควันและคราบน้ำตาจากเหตุเพลิงไหม้มรณะ ณ โรงงานกระดาษทิชชู่ ในพื้นที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โศกนาฏกรรมได้ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดที่บาดลึกเกินกว่าจะเยียวยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการค้นพบเถ้ากระดูกของพนักงานสองรายในลักษณะคล้ายกำลังโอบกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ภาพดังกล่าวได้สะเทือนใจผู้คนที่ทราบข่าว
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านเลขที่ 47 หมู่ 11 ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี บ้านของ น้องป่าน-นางสาวกชพรรณ จาดเชื้อ หญิงสาววัย 31 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความเงียบงันและความโศกเศร้า มีเพียงเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเป็นระยะ เราได้พบกับ คุณพ่อธนกฤต จาดเชื้อ, คุณแม่อรฑิตา ทองใบ และ พี่พฤฒิภูม จาดเชื้อ พี่ชายของน้องป่าน ซึ่งทุกคนยังอยู่ในอาการใจสลาย แต่ก็ได้เปิดใจกับทีมข่าวเป็นครั้งแรก เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก และความฝันที่ดับสลายไปพร้อมกับเปลวเพลิง
ความเจ็บปวดที่แสนสาหัสที่สุด คือความจริงที่ว่า น้องป่านกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว การ์ดแต่งงานสีหวานถูกพิมพ์ออกมาวางรอไว้เพื่อจะแจกจ่ายให้กับแขกเหรื่อ ของชำร่วยถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม แต่ที่น่าสลดใจที่สุดคือ ในวันนี้ 4 กรกฎาคม คือวันที่น้องป่านและแฟนหนุ่มมีนัดกับช่างภาพเพื่อถ่ายพรีเวดดิ้ง ภาพแห่งความสุขที่ควรจะถูกบันทึกไว้ กลับกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจของแฟนหนุ่มของน้องป่านซึ่งคบหากันมานานถึง 9 ปี อยู่ในภาวะที่โศกเศร้าอย่างยิ่ง โดย นายพฤฒิภูม จาดเชื้อ (พี่ชาย) ได้เล่าว่า แฟนของน้องสาวได้เปรยว่า “ถ้าเขาอยู่นี่ เขาอยู่ไม่ได้แน่ๆ” เพราะทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวล้วนเป็นภาพความทรงจำที่มีต่อน้องป่าน แม้ว่าเขาจะมีหน้าที่การงานที่ดีในตำแหน่งหัวหน้างานก็ตาม
ทางด้าน นายธนกฤต จาดเชื้อ (พ่อ) ได้เล่าเสริมถึงบทสนทนาที่ท่านได้ปลอบใจว่าที่ลูกเขยว่า”ผมก็เลยถามเขาว่ามันต้องถึงกับต้องออกจากงานเลยเหรอลูก รอดูก่อนไหม ทำใจซะก่อน… แล้วผมก็บอกเขาไปตรงๆ ว่า ‘พ่อไม่ได้รักหนูเป็นเขยนะ พ่อรักหนูแบบลูก’” คำพูดดังกล่าวสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งสองครอบครัว ซึ่งคุณพ่อธนกฤตเปิดเผยว่า เป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่ครอบครัวของฝ่ายชายมีต่อน้องป่านเช่นกัน “พ่อของเขาก็เคยบอกว่า ‘เขาไม่ได้รักลูกสาวผมแบบลูกสะใภ้ เขารักเหมือนลูกสาว’” โดยหลังจากทราบข่าว ครอบครัวของฝ่ายชายซึ่งอยู่ที่จังหวัดพิจิตรก็ได้รีบเดินทางมาในทันที
เมื่อถามถึงอุปนิสัยของน้องป่าน คุณพ่อธนกฤตเล่าด้วยแววตาแห่งความคิดถึงว่า เธอคือแสงสว่างของครอบครัวและเป็นที่รักของทุกคน “เขาเป็นคนสนุกสนานร่าเริง ไปไหนก็มีแต่คนรัก และเป็นห่วงเป็นใยทุกคน อย่างผมเองไม่ค่อยสบาย เป็นโรคหัวใจ ทำบอลลูนมาสี่ครั้ง ก็ได้เขาคนนี้แหละครับที่คอยดูแล พาไปหาหมอมาตลอด”เขาเป็นเสาหลักของบ้าน ตอนเย็นกลับมาก็จะถามแม่ก่อน แล้วก็จะเดินมาหาผม พ่อกินข้าวยัง จะกินอะไรไหม’ บางทีผ่านตลาดก็จะโทรมาถามว่าจะซื้ออะไรเข้าไปให้เลย
นางฟ้าของคนทั้งซอย เรื่องนี้ญาติพี่น้องในซอยรู้กันหมด เขาเป็นที่รักของทุกคน เขาจำวันเกิดของพี่ป้าน้าอาได้ทุกคนในซอย จะแอบไปซื้อเค้กมาอวยพรวันเกิดให้ อย่างวันเกิดลุงตุ้ม เขาก็ไปซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์ถึงในห้องนอนเลย
คุณแม่อรฑิตา ผู้เป็นแม่ เล่าย้อนถึงวันเกิดเหตุด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแววตาที่เลื่อนลอย “พอรู้ข่าวว่าไฟไหม้โรงงาน… ก็รีบไปทันที แต่เขาไม่ให้เข้า ได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอกด้วยใจที่ร้อนรน โทรศัพท์หาลูก…โทรติด แต่ไม่มีคนรับ” หัวอกคนเป็นแม่แทบสลายเมื่อนึกถึงคำพูดของลูกสาวที่เคยบอกว่า “หนูทำอยู่ชั้นสาม”ใจมันคิดไปแล้วว่าลูกคงไม่รอด เพราะทางหนีมันไม่มี ด้านหลังก็ไปไม่ได้ มีแต่ต้องลงมาหาไฟทางเดียว คุณแม่กล่าวพร้อมปาดน้ำตา ตอนแรกที่เขาบอกว่าเป็นผู้สูญหาย เราก็ยังมีความหวัง คิดว่าลูกอาจจะหนีไปหลบในห้องน้ำ แต่พอรู้ว่าหาไม่เจอ มันก็เสียใจ
ความหวังสุดท้ายดับวูบลงในคืนวันที่ 30 มิถุนายน เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งข่าวร้ายที่สุด เขาบอกว่าพบกองเถ้ากระดูกแถวบันไดหนีไฟ เขาบอกว่ามีอยู่กองหนึ่ง เหมือนกอดกันอยู่ วินาทีนั้น คุณแม่อรฑิตาบอกว่ามันช็อก ไม่รู้จะพูดยังไง มันจุกอยู่ในหัวอก ความคิดที่ทรมานที่สุดคือภาพของลูกสาวในวาระสุดท้าย สงสารลูก ว่าลูกจะร้อนขนาดไหน จะร้องให้คนช่วยยังไง ทุกวันนี้ คุณแม่ยังทำใจไม่ได้ เมื่อเห็นรูปถ่ายของลูกสาวผู้เป็นที่รัก ภาพของเด็กสาวขี้อ้อนที่คอยทักทาย แม่จ๋า หวัดดีจ้า ทุกเช้าก่อนไปทำงาน และทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ พอเช้าขึ้นมาก็ได้ยินแต่เสียงเขาในหัว แต่ไม่ได้เห็นตัวเขาอีกแล้ว
คุณแม่เล่าถึงแผนวิวาห์ที่พังทลายลงในพริบตา เดือนตุลานี้แล้ว โต๊ะจีน ช่างแต่งหน้า จองไว้หมดแล้ว ทุกอย่างพร้อมสำหรับวันที่ 24 ตุลาวันเดียว ส่วนแฟนหนุ่มของน้องป่านนั้นอยู่ในอาการใจสลาย พูดเพียงสั้นๆ แต่หนักแน่นว่า เขารักน้องมาก อยู่ไม่ได้ถ้าขาดน้อง
ด้านการเยียวยาจากทางโรงงาน เบื้องต้นมีการเสนอเงิน 35 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย หรือประมาณสี่แสนกว่าบาท ซึ่งคุณแม่ตั้งคำถามด้วยความเจ็บปวดว่า นี่หรือคือค่าชีวิตของลูกสาวคนหนึ่ง ที่ต้องมาเสียชีวิตในที่ทำงานของเขา
ก่อนจากกัน คุณแม่อรฑิตาได้ฝากคำพูดสุดท้ายไปถึงดวงวิญญาณของลูกสาวอันเป็นที่รัก ผ่านทีมข่าวด้วยเสียงที่ขาดห้วง
“แม่ไปทำบุญให้ลูกแล้วนะ ขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี ชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นลูกแม่อีกนะลูกนะ แต่ขอให้อยู่นานๆ กว่านี้หน่อยนะ แม่รักและคิดถึงลูกนะ”
“ตื่นขึ้นมา ก็จะไม่มีใครเรียก แม่จ๋า แม่จ๋า อีกแล้ว” สิ้นคำพูดนี้ คุณแม่ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจที่สุดที่ต้องเสียลูกไป
จากการสอบถามญาติผู้สูญเสีย ทราบว่าทางโรงงานมีการเรีนกเข้าไปพูดคุย โดยเบื้องต้นจะจ่ายเงินให้กับทางญาติ 35 เท่า ของเวินเดือน เดือนสุดท้าย ซึ่งทางญาติคิดว่าไม่เหมาะสมที่ทางโรงงานจะจ่ายค่าชดเชยให้เพียงเท่านี้ อีกทั้งมีบางคนเพิ่งผ่านการทดลองงานก็มี
ด้านพิธีกรรมทางศาสนา ขณะนี้ทางญาติต้องรอสถาบันนิติเวชตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งใช้เวลา 7- 15 วัน รอทางเจ้าหน้าที่ติดต่อมา จึงจะสามารถนำเถ้ากระดูกมาทำพิธีทางศาสนาต่อไป
ทีมข่าวเฉพาะกิจ
Discussion about this post