จากสถานการณ์ภัยคุกคามรูปแบบใหม่อันเกิดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศอย่างกว้างขวาง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ฉก.88) ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร) และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) จึงได้ร่วมกันกำหนด ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน (I 2L AI) ได้แก่ 1) Infrastructure: ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต 2) Logistics: ตัดวงจรการนำพา เช่น เพจโฆษณา หางาน บัญชีม้า ขบวนการข้ามแดน 3) Law Enforcement: เร่งบังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ มุ่งเป้าผู้บงการและเครือข่ายที่ให้การสนับสนุน 4) AI: ใช้เทคโนโลยีควบคุมป้องกันไม่ให้ไทยเป็นทางผ่านหรือฐานปฏิบัติการ 5) International Community: ผนึกกำลังประชาคมโลก สร้างเครือข่ายความร่วมมือปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อเร่งรัดและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ใช้มาตรการและการกดดันทั้งตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และเส้นทางลำเลียง พร้อมทั้งตั้ง War Room เพื่อทำงานร่วมกับนานาชาติ แลกเปลี่ยนข้อมูลและจับกุมผู้กระทำผิด โดยปฏิบัติการล่าสุดได้เข้าตรวจ 20 จุดใน กทม.-สมุทรปราการ-ชลบุรี ยึดเงินสด 27 ล้านบาท รถหรู และทรัพย์สินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมนำผู้กระทำผิดดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในขณะเดียวกัน กอ.รมน. โดย ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. ได้จัดอบรมและเพิ่มพูนความรู้ด้านภัยคุกคามทางออนไลน์ ให้กับประชาชน และมวลชนเพื่อสร้างการรับรู้ สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแส และร่วมเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้ โดยมุ่งเน้นในการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ การสนับสนุนข้อมูลข่าวสาาร เพื่อขยายผลและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กอ.รมน. พร้อมขับเคลื่อนและร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการรู้เท่าทันป้องกันและแก้ไขภัยคุกคาม เพื่อสังคมที่ปลอดภัยและมั่นคง
………………………………
10 กรกฎาคม 2568/ทีมโฆษก กอ.รมน.