วันนี้ (19ก.ย.68) ที่ห้องมณีทิพย์ โรงแรม นิวแทรเวิลลอดจ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน และจังหวัดจันทบุรี โดยจังหวัดจันทบุรี มีนายอุกฤษฏ์ วงษ์ทองสาลี ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ส่วนเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน มีนายหยาง ตงเว่ย รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน เป็นผู้ลงนาม
โดยมี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ร่วมเป็นสักขีพยาน และกล่าวคำกล่าวต้อนรับ มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบภาคเอกชนทั้งไทยและจีน จำนวนมาก พร้อมคณะผู้แทนจากเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน เข้าร่วมในพิธี
ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่างหอการค้าจังหวัดจันทบุรี และเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน นับเป็นก้าวสำคัญ ที่จะเชื่อมโยง ความร่วมมือระหว่างสองพื้นที่ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ และการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมผลไม้ไทยสู่ตลาดจีน และการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูป ที่สร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกัน ความร่วมมือในครั้งนี้ ตั้งอยู่บนหลักการแห่งมิตรภาพ ความเสมอภาค และผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน ทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้ง เป็นการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างสองพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนยิ่งขึ้น จังหวัดจันทบุรี เป็นแหล่งผลิตผลไม้สำคัญ โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และลำไย รวมถึงการเป็นศูนย์กลางด้านอัญมณีและพลอยที่มีชื่อเสียง ขณะที่เขตเตียนจง มณฑลยูนนานเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของจีน เชื่อมโยงเศรษฐกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ทั้งสองฝ่ายจึงมีศักยภาพที่จะเกื้อกูลและเสริมสร้างความได้เปรียบซึ่งกันและกัน บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างเครือข่าย “จากสวนผลไม้เขตร้อนสู่โต๊ะอาหารจีน” ยกระดับห่วงโซ่อุปทานโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน รวมถึงการพัฒนามาตรฐาน การสร้างแบรนด์สินค้าเกษตร การแปรรูปเชิงลึก และการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มคุณค่า และสร้างโอกาสใหม่ทางการตลาดให้กับทั้งสองฝ่าย เปรียบเสมือนเพื่อนที่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนสร้างผลประโยชน์ร่วมกันให้แก่ประชาชนของทั้งสองพื้นที่ และเป็นต้นแบบของความร่วมมือระดับภูมิภาคในอนาคต
ทางด้าน นายหยาง ตงเว่ย รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่สาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 50 ปี ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในด้านความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมือง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม จังหวัดจันทบุรี ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล มีความโดดเด่นในการพัฒนาเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอัญมณี จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งทุเรียน” และ “เมืองหลวงแห่งอัญมณี” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ตนได้มีโอกาสเดินทางมายังดินแดนอันงดงามที่ได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งพระจันทร์” เพื่อสัมผัสเสน่ห์ทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และพลังการพัฒนาอย่างเต็มเปี่ยม
“เขตใหม่ เตียนจง ยูนนาน (Yunnan Dianzhong New Area) เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติแห่งที่ 15 ของจีน ตั้งอยู่ในนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2015 เขตใหม่แห่งนี้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว จนถึงปี ค.ศ. 2024 เขตใหม เตียนจง ยูนนาน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในเขต (GDP) 117,000 ล้านหยวน และมีมูลค่าการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 213,150 ล้านหยวน พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของเขตใหม่นี้ มีเพียง 1.9% ของพื้นที่ทั้งหมดของนครคุนหมิง และมีสัดส่วนเศรษฐกิจ 2.4% แต่สามารถสร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับนครคุนหมิงได้ถึง 7.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเริ่มก่อตั้ง ตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกด้านเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและพลังการพัฒนาที่แข็งแกร่ง ในฐานะศูนย์กลางสำคัญของจีนที่เปิดสู่ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขตใหม่เตียนจง ยูนนาน ยังคงยึดมั่นในท่าทีแห่งการเปิดกว้างเพื่อยกระดับความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยอาศัยศักยภาพของท่าอากาศยานนานาชาติฉางสุ่ย คุนหมิง ในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางอากาศ เปิดเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ทั้งโดยสารและขนส่งสินค้า พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางหลวง เจ็ดเส้นทางออกจากมณฑล ห้าเส้นทางออกนอกประเทศ และเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางรถไฟ “เจ็ดเส้นทางออกจากมณฑล ห้าเส้นทางออกนอกประเทศ” ที่สามารถเชื่อมต่อภายในประเทศได้อย่างรวดเร็วไปยังแผ่นดินใหญ่ของจีน และสามารถเชื่อมต่อภายนอกตรงไปยังประเทศไทย สปป.ลาว และประเทศต่าง ๆ บนคาบสมุทรอินโดจีน ก่อร่างสร้างเครือข่ายคมนาคมแบบบูรณาการที่ครอบคลุมทั้งเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วางรากฐานอันมั่นคงสำหรับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม และการค้าระหว่างประเทศ
ปัจจุบัน เขตใหม่เตียนจง ยูนนาน กำลังเร่งสร้างศูนย์กลางการกระจายผลไม้สดที่เชื่อมโยงกับอาเซียน โดยอาศัยข้อได้เปรียบของท่าอากาศยานฉางสุ่ย และ “ระเบียงทองคำ” รถไฟจีน–ลาว ในการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์แบบห่วงโซ่ความเย็น (cold chain) ที่สามารถส่งถึงทั่วประเทศจีนภายใน 12 ชั่วโมง และเชื่อมต่ออาเซียนภายใน 48 ชั่วโมง
รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาใหม่เตียนจง มณฑลยูนนาน กล่าวเสริมอีกว่า จังหวัดจันทบุรีถือเป็นพื้นที่การเกษตรสำคัญของประเทศไทย มีชื่อเสียงด้านผลไม้เมืองร้อนคุณภาพสูง เช่น ทุเรียน มังคุด มะพร้าว ลองกอง เป็นต้น เขตใหม่เตียนจง ยูนนาน กำลังจะเปิดดำเนินการศูนย์แปรรูปและการค้าผลไม้สดอาเซียน–ยูนนาน ซึ่งจะไม่เพียงเป็นสถานีถ่ายโอนผลไม้ แต่ยังเป็นศูนย์กลางเปิดกว้างสำหรับการบูรณาการเชิงลึกของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทาน และห่วงโซ่มูลค่าทั้งสองฝ่ายสามารถใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือเชิงลึกในด้านมาตรฐานการขนส่งเย็น การสร้างแบรนด์ และการอำนวยความสะดวกด้านการค้า นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพด้านการออกแบบและสร้างสรรค์ของเขตใหม่เตียนจง ยูนนาน เมื่อผนวกรวมกับข้อได้เปรียบของจังหวัดจันทบุรีในการจัดหาและการแปรรูปวัตถุดิบอัญมณี จะสามารถก่อให้เกิดความร่วมมือที่ “งดงามดั่งอัญมณี” ร่วมกันสำรวจแนวทางการพัฒนาร่วมในด้านเขตปลอดอากรข้ามพรมแดน เพื่อสร้างแบบอย่างของความร่วมมือระดับภูมิภาคที่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเกื้อหนุนซึ่งกันและกันด้านทรัพยากร และการเอื้อประโยชน์ร่วมกันทางการตลาด ระยะทางทางภูมิศาสตร์ไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อความใกล้ชิดของหัวใจมนุษย์ ความเกื้อกูลกันทางอุตสาหกรรมยิ่งทำให้ความร่วมมือเต็มไปด้วยโอกาส เขตใหม่ เตียนจง ยูนนาน พร้อมเปิดใจกว้างและดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อร่วมมือกับจังหวัดจันทบุรี — ทั้งการเสริมความร่วมมือดั่งเดิมด้านการค้าผลไม้ และการขยายสู่สาขาใหม่ ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสีเขียวเพื่อให้ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายยกระดับจากการ “เชื่อมต่อเฉพาะจุด” ไปสู่การพัฒนาอย่างครอบคลุมและหลายมิติ.
ภาพ/ข่าว เอกลักษณ์ อานาภรณ์ ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี
