สุรินทร์-วันที่ 14 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบการระบาดของโรคปากเท้าเปื่อยในวัว-ควาย ในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะที่คุ้มหนองไทร บ้านตะบัล ม.7 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีวัว-ควายติดโรคปาก เท้า เปื่อย กันทั้งหมู่บ้านและมีวัวตายแล้วจำนวน 1 ตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงวัว-ควาย ต้องหาซื้อยามาฉีดรักษากันเองตามยถากรรม เนื่องจากหมอประจำตำบลมีคนเดียวฉีดไม่ทัน เพราะตอนนี้มีวัว-ควายติดเชื้อโรคยกทั้งตำบลสลักได ทำให้ขณะนี้เกิดการระบาดอย่างหนัก
นายนพดล ประดับทอง เกษตรกรผู้เลี้ยงควาย บอกว่า ตนเลี้ยงควายจำนวน 8 ตัว ติดโรคปาก เท้า เปื่อยทุกตัว มีหนึ่งตัวเป็นหนักกว่าเพื่อน อาการคือยืนขาแข็งกินลำบาก มีแผลตามตัวทั้งเล็บเท้าและปาก ต้องให้ฉีดยาแก้อักเสบและแก้ไข้ให้ ติดเชื้อมาได้ประมาณ 6 วันแล้ว หมอบอกว่าถ้า 3 วันไม่หายต้องฉีดไปเรื่อยๆ เสียค่ายาเข็มละ 100 บาท ตอนนี้หมดค่ายาไป 2 พันกว่าบาทแล้ว ปกติก็ฉีดยาให้ทุกปีไม่รู้ว่าปีนี้เชื้อโรคอาจจะหนักหน่อยเลยป้องกันไม่ได้ ซึ่งโรคนี้ไม่เคยระบาดในพื้นที่นี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ตอนนี้ทั้งวัวและควายติดเชื้อกันทั้งหมู่บ้านแล้ว เมื่อวานก็มีวัวของคนในหมู่บ้านตายไป 1 ตัว เจ้าของเพิ่งฝังไป
นายสายัน วรรณศิริ เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวและนำยามาฉีดให้กับวัว-ควายที่ติดเชื้อในหมู่บ้าน รักษาตามอาการ บอกว่า ที่เห็นฝั่งอยู่เป็นวัวของพี่ชายตน ที่ตายจากโรคปากเท้าเปื่อย อายุ 2 ปี น้ำหนักเกือบ 3 ร้อยโล ป่วยได้ 6 วันก็ตาย ตอนเป็นใหม่ๆจะมีอาการน้ำลายฟูมจากปากและจมูก หรือบ้างตัวก็เป็นตรงบริเวณตามขาก่อน ส่วนที่ตายน่าจะเกิดจากการที่วัว-ควายกินอะไรไม่ได้ก็มีส่วน คือเราต้องช่วยมันด้วย หากล้วยสุกมาป้อนยัดปากให้มันพอมีอาหารลงท้องบ้าง ตอนนี้ก็ได้แจ้งไปทางองค์การบริหารส่วนตำบลสลักได รับทราบแล้ว ส่วนในเรื่องของการเยียวยาวัว-ควายที่ล้มตายไปนั้นยังไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่ได้ ต้องรอดูก่อน
ทั้งนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงวัว-ควาย อยากจะให้ทางปศุสัตว์ออกมาให้ความรู้และลงมาสำรวจวัว-ควายที่ติดโรคและเร่งป้องกันการระบาดของเชื้อโรคปากเท้าเปื่อยเป็นการเร่งด่วนด้วย เท่าที่ทราบตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ตำบลสลักไดเท่านั้นที่ติดเชื้อ ยังมีตำบลข้างเคียงและอีกหลายอำเภอที่มีการระบาดของโรคนี้
จ.สุรินทร์
