นครปฐม สภ.กำแพงแสน สนธิกำลังตำรวจทางหลวง ตามล่าระทึก จับคนร้ายขนยาบ้า 1 ล้านเม็ด

ตำรวจกำแพงแสน สนธิกับกำลังตำรวจทางหลวงนครปฐม แกะรอยติดตามรถยนต์ต้องสงสัยหลังสายลับแจ้งว่าจะมีการขนยาบ้ามาจากจังหวัดเชียงรายเพื่อนำลงไปขายต่อที่ภาคใต้ แต่ขณะที่คนร้ายได้ถูกแกะรอยเกิดไหวตัวจึงได้ขับหลบหนีพุ่งเข้าไปในเขตชุมชนเจ้าหน้าที่จึงได้เกาะติดตามด้วยความระทึกก่อนคนร้ายจะขับรถชนกองอะไหล่ริมทางทำให้รถไม่สามารถไปได้และได้เปิดรถวิ่งหนีซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ละความพยายามใช้โดรน ตรวจจับ ค้นหากระทั่งพบตัวและบุกเข้าชาร์จได้พร้อมทั้งของกลางทั้งหมด

วันที่ 26 พฤศจิกายน 68 ตำรวจ สภ.แพงแสน จ.นครปฐม พร้อมด้วย ตำรวจทางหลวง ได้เผยแพร่คลิบการไล่ล่าจับกุมผู้ต้องหาที่ขนยาบ้ามา กว่า 1 ล้านเม็ด โดยมีการซ่อนตัวก่อนจะมีการติดตามค้นหาระทึกก่อนควบคุมตัวไว้ได้

การเผยแพร่ภาพ ดังกล่าวถูกระบุว่าเหตุการณ์ในการติดตามจับกุมคนร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยพลตำรวจตรีพรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง พลตำรวจตรีพิทักษ์ อุปพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกปราโมทย์ โพธิ์พันธ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรกำแพงแสน พันตำรวจโทโยธี เบญจวรรณ์ รองผู้กำกับการสืบสวน พันตำรวจโทยงยศ พันธุ รองผู้กำการปราบปราม และกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงาน ได้ทำการจับกุม นายศักดา (นามสมมติ) อายุ 29 ปี โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดประเภทที่หนึ่ง โดยมีไว้เพื่อเป็นการกระทำเพื่อการ ก่อก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

โดยมีการยึดของกลาง เป็นยาเสพติดประเภทที่หนึ่งยาบ้าจำนวน 1,000,000 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิสวิฟต์สีแดง จำนวนหนึ่งคัน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อเรียวมี สีเขียว ซึ่งเป็นของผู้ต้องหาที่ใช้ในการติดต่อธุรกรรมในการ ประสานเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดจำนวนหนึ่งเครื่อง ซึ่งมีการถูกจับกุมบริเวณปากทางเข้าซุ้มประตูวัดหนองขามพัฒนา ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

ซึ่งจากคลิปในการไล่ล่าดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 10:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมี การขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่จากภาคเหนือลงสู่ภาคใต้โดยใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิสวิฟต์สีแดงเจ้าหน้าที่ทางหลวงจึงได้มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบรถยนต์ในเส้นทางดังกล่าวกระทั่งพบว่ารถต้องสงสัยที่ขับมุ่งมาทางอำเภอกำแพงแสน จากนั้น พันตำรวจโทณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สารวัตรฯสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับ 2 บังคับการตำรวจทางหลวง ได้สั่งการให้มีการติดตามรถคันดังกล่าวกระทั่งเวลา 16:00 น. จึงได้พบว่ารถคันดังกล่าวได้วิ่งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข321 กิโลเมตรที่ 41 ในเขตพื้นที่อำเภอกำแพงแสนซึ่งพบว่ามีการดัดแปลงป้ายทะเบียนจึงได้ขับติดตามพฤติกรรมไปยังห่างห่างและประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนวางแผนในการสกัดเพื่อเข้าทำการจับกุม

ต่อมาเมื่อรถต้องสงสัยได้ขับ มาบนเส้นทางและเริ่ม รู้ตัวว่ามีการถูกแกะรอยจึงได้พยายามเล่นเครื่องหนีเข้าไปในชุมชนบริเวณฝั่งตรงข้ามของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนซึ่งช่วงดังกล่าว เป็นช่วงที่มีรถใช้พื้นที่การจราจรค่อนข้างทับข้างเนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานและเลิกเรียนและพยายามใช้ความรัดกุมในการเกาะติดเนื่องจากจะมีประชาชนได้รับเหตุร้าย กระทั่งคนร้ายได้ขับรถย้อนศรไปตามถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์ของประชาชนที่วิ่งสวนมาจนกระทั่งเข้าไปที่ซุ้มประตูของวัดหนองขามพัฒนา ซึ่งทำให้รถเสียหลักไปชนกับกองอะไหล่ของเครื่องจักรที่ซ่อมอยู่ข้างทางทำให้รถยนต์ไม่สามารถออกไป จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหนีออกจากรถเข้าไปที่ชุมชนเพื่อหวังจะหลบซ่อนจากการติดตามจับกุม

ขณะเดียวกันชุดจับกุมและชุดไล่ล่าได้นำกำลังมาปิดล้อมในพื้นที่บริเวณดังกล่าวซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กำแพงแสน ได้ใช้โดรนติดตามหาคนร้ายจากมุมสูงจนกระทั่งพบว่าคนร้ายซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าติดกับกำแพงของบ้านหลังหนึ่งจึงได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวเอาไว้พบว่า คือนายศักดา (นามสมมุติ) พร้อมด้อยของการยาบ้าที่ถูกบรรจุเอาไว้ในกระสอบกระสอบละ 200,000 เม็ด และได้ควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐมเพื่อการตรวจสอบและสอบสวนจากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเจ็ดมาร่วมทำการเก็บข้อมูลพบว่ามียาบ้าทั้งหมดห้ากระสอบรวม 20 ห่อทั้งสิ้นรวมแล้ว 1,000,000 เม็ด

นายศักดา (นามสมมติ) ให้การว่าตัวเองได้รับจ้างขนยาบ้าครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทโดยให้ไปรับยาบ้ามาจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเพื่อให้นำไปสู่ในพื้นที่ภาคใต้แต่เมื่อขับรถมาถึงบริเวณดังกล่าวได้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสะกดรอยตามจึงได้พยายามหลบหนีแต่ไปไม่รอดเมื่อถูกโดรน สามารถจับภาพไว้ได้และมีตำรวจเข้ามาควบคุมตัวดังกล่าว

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการสอบสวนและสืบสวนเพื่อขยายผลหาต้นตอของแหล่งยาเสพติดและปลายทางที่จะนำไปส่งเพื่อที่จะได้มีการติดตามตัวผู้ค้ารายใหญ่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นขบวนการที่มีชื่ออยู่ทางภาคเหนือเชื่อมโยงกับเขตพื้นที่ภาคใต้ต่อไป

ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม

You May Also Like