พระราชทานเพลิงศพในพระบรมราชานุเคราะห์ “หมู่ตี๋” ส.อ.อภิสิทธิ์ บุนนาค พยาบาลทหารพลีชีพเพื่อชาติกลางสมรภูมิภูมะเขือ เหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา พร้อมปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศ เป็นพันตรี ด้านญาติสุดเศร้า และภูมิใจที่ “หมู่ตี๋” เสียสละชีวิตปกป้องประเทศถึงนาทีสุดท้าย ขณะที่รองผบ.ทบ.- รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ และทุกภาคส่วนร่วมสดุดีทหารกล้า ส่งดวงวิญญาณสู่สรวงสวรรค์
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 20 ธันวาคม 2568 ที่ป่าพุทธภาวัน บ้านสมสะอาด หมู่ 7 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รอง ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในพระบรมราชานุเคราะห์ส.อ.อภิสิทธิ์ บุนนาค หรือ “หมู่ตี๋” อายุ 33 ปี กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 นายสิบพยาบาลประจำ พัน.ร.11 ในพื้นที่สนามรบ สังกัดกรมทหารราบที่ 16 พัน.3 (ร.16 พัน.3) ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยมีพล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 นายสุวรรธณ์ เข็มธนเพ็ชร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นางวิชชุฎา เข็มเพชร นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.อ.สิทธิศักดิ์ พรหมดิเรก รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายประเสริฐ บุญเรือง อดีตสส.กาฬสินธุ์ เขต 6 นายสันติ จัตุพันธ์ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นางสาวอ้อมอารีย์ ยี่วาศรี นายอำเภอกุฉินารายณ์ นายภูมินทร์ ภูมิเขต สจ.อำเภอกุฉินารายณ์ ประธานสภา อบจ.กาฬสินธุ์ และคณะที่ปรึกษารมช.มหาดไทย นางสาวสัตบุษย์ บุญเรือง เลขานุการนายกอบจ.กาฬสินธุ์ ผู้บังคับบัญชาของ ส.อ.อภิสิทธิ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำชุมชน ประชาชน
พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ร่วมสดุดีทหารกล้า ส่งดวงวิญญาณหมู่ตี๋ สู่สรวงสวรรค์ ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยเฉพาะนางรวีวรรณ บุนนาค อายุ 44 ภรรยาหมู่ตี๋ ลูกสาววัย 8 ขวบ และลูกชายวัย 6 ขวบ และนางลออ ปากชำนิ อายุ 55 ปี แม่ของส.อ.อภิสิทธิ์ ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ทุกคนก็ภาคภูมิใจที่หมู่ตี๋ได้ปฏิบัติหน้าที่ทหารกล้าจนถึงนาทีสุดท้าย
ทั้งนี้พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รอง ผบ.ทบ.ประธานในพิธีฯได้มอบเงินพระราชทาน, เงินกองทุนพระบารมีปกเกล้า, เงินฌาปณกิจ ทบ.และเงินบำรุงขวัญทบ. ขณะที่นายสุวรรธณ์ เข็มธนเพ็ชร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ และนางวิชชุฎา เข็มเพชร นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ ได้มอบเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา กระทรวงยุทติธรรม, เงินช่วยเหลือจากเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ เงินที่รวบรวมจากหัวหน้าส่วนราชการ และผู้มีจิตศรัทธา เพื่อช่วยเหลือให้กับครอบครัว ส.อ.อภิสิทธิ์รวมจำนวน 210,600 บาทบาท
อย่างไรก็ตามครอบครัวหมู่ตี๋ พร้อมด้วยญาติๆต่างภาคภูมิใจที่ ส.อ.อภิสิทธิ์ได้เสียสละชีวิต เพื่อยืนหยัดปกป้องแผ่นดินไทยจนนาทีสุดท้าย และต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ ที่พระราชทานความช่วยเหลือทุกอย่าง ซึ่งนับเป็นเกียรติสูงสุดของครอบครัว พร้อมขอขอบคุณทุกภาคส่วน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชน และญาติๆทุกคน ที่มาให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือ
นางลออ ปากชำนิ อายุ 55 ปี แม่ของส.อ.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงแม้จะเสียใจที่ลูกชายจากไปไม่คืนกลับมา แต่ตนเองก็สุดที่จะภาคภูมิใจที่ลูกชายได้สละชีพ เพื่อประเทศชาติ นอกจากนี้ยังฝากถึงลูกๆหลานๆทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและดีที่สุด ซึ่งครอบครัวตนถึงแม้จะสูญเสียหมู่ตี๋ แต่ก็ยังเป็นกำลังใจให้กับทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ทุกคนส่วนเจ้าไทเกอร์นั้น วันที่ญาติพี่น้องไปรับศพหมู่ตี๋ก็ได้นำมาพร้อมกันเลยไม่ได้หายไปไหน
ขณะที่นางสาวชลธิชา ธาราโรจน์ อายุ 27 ปี แฟนทหารเพื่อนหมู่ตี๋ที่ไปรบด้วยกัน และเป็นทหารพยาบาลด้วยกัน กล่าวว่า สุนัขเจ้าไทเกอร์ญาติได้นำมาที่บ้าน พร้อมกับรับศพหมูตี๋ ส่วนตัวตนนั้นก็ภูมิใจที่หมู่ตี๋ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง
สำหรับ ส.อ.อภิสิทธิ์ บุนนาค หรือ “หมู่ตี๋” อายุ 33 ปี กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 ตำแหน่งนายสิบพยาบาลประจำทหารเสนารักษ์ พัน.ร.11 ในพื้นที่สนามรบ สังกัดกรมทหารราบที่ 16 พัน.3 (ร.16 พัน.3)เสียชีวิตจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา พลีชีพกลางสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชาอย่างรุนแรง ขณะปฏิบัติหน้าที่ภายในบังเกอร์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการบำเพ็ญกุศลออกเมรุ และพระราชทานเพลิงศพ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เป็นขวัญและกำลังใจอันยิ่งใหญ่แก่ครอบครัวของผู้เสียสละ และกำลังพลทุกนาย
ในส่วนของการช่วยเหลือกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศ เป็น พันตรี และ 9 ชั้น เงินเดือน บรรจุทายาททดแทน 1 คน เหรียญพิเศษ บำนาญพิเศษ เงินช่วยเหลือจากสำนักนายกรัฐมนตรี (กองทุนและงบกลาง) เงินบำรุงขวัญ (กองทัพบก/กองทัพภาคที่ 1)เงินพระราชทาน เงินประกันชีวิต (กองทัพบก/กองทัพภาคที่ 1/หน่วยที่สังกัด) เงินช่วยเหลือค่าจัดการศพ เงินช่วยเหลือจากมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เงินช่วยเหลือจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ เงินช่วยเหลือ 3 เท่า ของเงินเดือน เงินบริจาคต่างๆ เงินสวัสดิการกองกำลัง และอื่นๆ

