วันนี้ 22 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.พศวีร์ เรืองภู่ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สันทัด ลยางกูร รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวขม ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี สั่งการ พ.ต.ท.โชคชัย ไทยเจริญ รอง ผกก. จร สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เมธี บัวซ้อน สว.จร สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ. ทศพล มีทรัพย์มาก รอง สว.จร.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตร.สายตรวจรถยนต์รถจักรยานยนต์ ร่วมกันตั้งจุดตรวจเพื่อกวดขันวินัยการจราจร รวมถึงตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยที่ลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด โดยเฉพาะยาเสพติด บุคคลต่างด้าวและอาวุธปืน และบุคคลตามหมายจับค้างเก่า ก่อนถึงวันฮาโรวีนและช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่บริเวณถนนบายพาส หมู่ 11 ต.ปากแรพก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ขณะตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านไปมาอยู่นั้น เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ขับมาจากทางด้าน อ.ไทรโยค เมื่อมาถึงด่านเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบเอกสาร เมื่อคนขับลดกระจกลงเจ้าหน้าที่ถึงกับตกตลึง เมื่อพบว่าภายในห้องโดยสารทั้งหน้าและหลังมีผู้หญิงนั่งแออัดกันมาเต็มคันรถ มากถึงจำนวน 9 คน
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงให้คนขับจอดรถชขิดไหล่ถนนเพื่อตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด ผลปรากฏว่าหญิงสาวทั้ง 9 รายนั้นเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายทั้งหมด อีกทั้งไม่มีเอกสารใดๆมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่แม้แต่รายเดียว ระหว่างนั้น พล.ต.ต.พศวีร์ เรืองภู่ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ออกตรวจสอบสภาพการจราจนบนท้องถนนผ่านมาพอดี จึงได้เข้าไปสอบปากคำกลุ่มแรงงานจำนวนดังกล่าวด้วยตัวเอง จากนั้นจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่คุมตัวนายเทพสิทธิ์ นิยมวงษ์ อายุ 33 ปี ชาว ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ คนขับพร้อมกลุ่มแรงงานเป็นหญิงทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี
และจากการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนที่นำมาติดผลพบเป็นป้ายทะเบียนปลอม ที่ไม่ใช่แผ่นป้ายที่นายทะเบียนออกให้ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบหมายเลขตัวถังพบว่าไม่ตรงกับหมายเลขทะเบียนรถ โดยหมายเลขตัวถังเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อเดียวกันอยู่ที่ จ.สระบุรี
โดยนายเทพสิทธิ์ฯ ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวพม่าให้ขับรถไปรับกลุ่มแรงงานทั้ง 9 รายที่บริเวณช่องทางธรรมชาติ ช่องทางห้วยโมง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค เพื่อให้นำมาส่งที่จุดพักคอยในพื้นที่ อ.เมืองกาญจนบุรี โดยตนได้ค่าจ้างในการขนแรงงานทั้ง 9 ราย คนละ 3,000 บาท เมื่อถึงจุดนัดหมายในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี จะมีคนขับรถมารับกลุ่มแรงงานจำนวนดังกล่าวไปที่ จ.นครปฐม อีกทอดหนึ่ง
ที่ผ่านมาตนเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมข้อหาเดียวกันมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 เดือน ครั้งที่ 2 อยู่ระหว่างอุทธรณ์ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ระหว่างเดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน ในส่วนของรถยนต์เก๋งนั้นตนซื้อรถเถื่อนมาจากประเทศพม่า ในราคา 60,000 บาท โดยที่ไม่มีเอกสารคู่มือการจดทะเบียน ส่วนทะเบียนตนทำปลอมขึ้นมาเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกันกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา เป็นหญิงทั้ง 9 ราย ไม่สามารถให้การได้ เนื่องจากสื่อสารภาพษาไทยไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะได้สอบปากคำผ่านล่ามแปลอย่างละเอียด ก่อนที่จะส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา “ เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”ในภายหลัง
ส่วนนายเทพสิทธิ์ ถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “ ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดใดเพื่อให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายหรือให้พ้นจากการจับกุม” และข้อกล่าวหา ใช้และแสดงเอกสารปลอม (แผ่นป้ายทะเบียนปลอม)
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี – ปรีชา ไหลวารินทร์

