วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะฯตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาของประชาชน รวมทั้งมอบนโยบายแก่ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมคณะ
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้กำกับการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในจังหวัดภาคเหนือตอนบนทั้งหมด จึงเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดแรก เพื่อให้เกิดการพัฒนาเพิ่มขึ้น หนี้สินของพี่น้องเกษตรกรต้องหมดไป สำหรับการพัฒนาภาคการเกษตร สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการลดต้นทุนการผลิต เพราะต้นทุนการผลิตเป็นปัจจัยสำคัญของภาคการเกษตร ประเทศไทยควรจะเป็นศูนย์กลางอาหารโลก เนื่องจากมีภูมิประเทศที่เหมาะสม
ดังนั้น ตนจึงมอบหมายให้กรมปศุสัตว์จับมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมวิชาการเกษตร หาแนวทางลดปัจจัยการผลิตของเกษตรกร เช่น การลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง และให้สหกรณ์ทั่วประเทศรวมตัวกันเป็นกลุ่ม พร้อมทั้งหาตลาด เพิ่มช่องทางจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร โดยใช้ระบบสหกรณ์เป็นหลัก
ส่วนด้านการท่องเที่ยว ตนได้หารือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ว่าจะทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวเชียงรายกลับมาคึกคักอีกครั้ง และจะร่วมผลักดันให้นำงบประมาณมาพัฒนาภาคการท่องเที่ยวเชียงรายให้มากยิ่งขึ้น
ด้านการศึกษา ต้องมีการพัฒนาความเป็นอยู่ของครู เพราะครูคือพ่อแม่คนที่สอง เยาวชนจะเติบโตเป็นบุคลากรที่ดีได้ ก็ต้องมีแม่พิมพ์พ่อพิมพ์ที่ดี
สำหรับปัญหาสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหา ในวันอังคารนี้ ตนจะนำเรื่องสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำเข้าหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือนักการทูต ไปเจรจาแก้ปัญหากับเจ้าของเหมืองต้นน้ำกกและน้ำสาย เพื่อแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำให้มีประสิทธิผลมากขึ้น
ด้านนายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาในหลายมิติ เป็นประตูการค้า การลงทุนที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ที่รอโอกาสในการขับเคลื่อนและพัฒนาให้เติบโตตามกระแสเศรษฐกิจ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เชียงรายมีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวหอม ชา กาแฟ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายยังมีสถาบันการศึกษาที่สนับสนุนการขับเคลื่อนตามเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างการศึกษาให้แก่กลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา ช่วยสร้างโอกาสด้านอาชีพในอนาคต เพื่อเพิ่ม GDP และ GPP ของจังหวัดเชียงราย สอดคล้องกับการพัฒนาทักษะ ความรู้เท่าทันเทคโนโลยีและภาษาให้แก่เยาวชน เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ตามนโยบายรัฐบาล (Thailand Zero Dropout: TZD)
ทั้งนี้ การตรวจเยี่ยมพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนจังหวัดเชียงรายได้รับทราบนโยบายสำคัญและนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งด้านการเกษตรและการศึกษา เพื่อยกระดับศักยภาพของเกษตรกร เพิ่มรายได้จากการขยายตลาด สร้างโอกาสให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมคุณภาพด้านการศึกษา สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนต่อไป
