กระทงใหญ่ยี่เป็ง ชิงถ้วยพระราชทาน 25 ขบวน แลนด์มาร์คจัดงาน4 จุด ข่วงท่าแพ แม่น้ำปิง คูเมืองคลองแม่ข่า คาดเงินสะพัดพันล้าน

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ที่เทศบาลนคราเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ แถลงข่าวการจัดงานประเพณีเดือนยี่เป็ง เชียงใหม่ วันที่ 4-6 พฤศจิกายนรวม 3 วัน ภายใต้แนวคิด มรดกแห่งนพบุรี สืบสานวิถีแห่งภูมิปัญญา วัฒนธรรมงามล้ำค่า ยี่เป็งล้านนาสู่สากล มีพ.ต.อ.กิตติพงษ์เพ็ชรมูณี รอง ผบก. ภ.จว.เชียงใหม่ นายธวัชรายุธ์ กัววงค์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ นายมานพ แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมแถลงข่าว ท่ามกลางบรรยากาศแบบล้านนา

ทั้งนี้ภายในงานมีการจัดนิทรรศการยี่เป็ง การสาธิตทำกระทงด้วยวัสดุธรรมชาติ โคมประดับฝางประทีป กาดหมัวครัวฮอมเพื่อสะท้อนอัตลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอย่างสวยงาม สร้างความประทับใจอย่างมาก

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า เชียงใหม่มี 25 อำเภอ พร้อมรับนักท่องเที่ยว มีห้องพักกว่า 50,000 ห้องเพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้บริการ ซึ่งมีมาตรการดูแลความปลอดภัยและปรับภูมิทัศน์ในลำน้ำปิงและคูเมือง เพื่อความสวยงาม ปีนี้จังหวัดได้ประกาศห้ามปล่อยโคมลอยในเส้นทางการบิน 3 อำเภอ69 ตำบล และอนุญาตให้ปล่อยได้ 6 อำเภอ 39 ตำบล เพื่อไม่ให้กระทบการจราจรทางอากาศสร้างความมั่นใจผู้ใช้บริการ ซึ่งเชียงใหม่มีรายได้จากท่องเที่ยวกว่า 70 % ส่วนจุดเด่น หรือไฮไลท์ของงาน คือ การประกวดขบวนกระทงใหญ่ ขิงถ้วยพระราชทานรัชกาลที่ 10 ด้วย

นายอัศนี กล่าวว่า เบื้องต้นมีขบวนกระทงใหญ่เข้าร่วม 25 กระทง รวมถึงกระทงของกงสุลในเชียงใหม่ มีบรวงสรวงพระภูมิเจดีย์ขาว ขอขมาแม่น้ำปิง บริเวณท่าน้ำวัดศรีโขง ประเพณีตั้งธรรมหลวง ปล่อยกระทงสาย ประกวดเทพบุตรนี่เป็ง หนูน้อยนพมาศ ประดิษฐ์กระทงใบตอง และสะเปา พร้อมซุ้มประตูป่าของวัดและชุมชนกว่า 100 แห่ง โดยมีพื้นที่จัดงาน 4 แห่ง คือ ลานและถนนท่าแพ แม่น้ำปิง คูเมือง คลองแม่ข่า เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไม่ให้แออัดเกินไป

นายวัชรายุธ์ กล่าวว่า ปีนี้คาดนักท่องเที่ยวร่วมงานกว่า 1แสนคน ช่วงยี่เป็งห้องพักถูกจองเต็มหมดแล้ว คาดสร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านบาทส่วนช่วงเทศกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น ตุลาคมถึงธันวาคมนี้ คาดมีนักท่องเที่ยวกว่า1.6 ล้านคน เป็นไปตามฤดูท่องเที่ยว และสภาวะเศรษฐกิจด้วย

พ.ต.อ.กิตติพงษ์ กล่าวว่า เน้นการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกจราจรมีเจ้าหน้าที่ดูแลทุกพื้นที่ พร้อมสายตรวจตลอดเวลา มีกวาดล้างอาชญากรรมทั้งก่อน ระหว่างและหลังจัดงาน มีการออกตรวจร้านจำหน่ายพลุไฟและประทัดยักษ์ร่วมกับเทศบาล ไม่ให้จำหน่ายนอกสถานที่อนุญาต เพื่อสร้างความมั่นใจประชาชน นักท่องเที่ยว รักษาภาพลักษณ์เป็นเมืองปลอดภัย อันดับ 1ของอาเซียนด้วย

นายมานพ กล่าวว่า ได้ร่วมจัดงานและสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งประสบผลสำเร็จทุกปี ลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บอุบัติเหตุจากแอลกอฮอล์มากขึ้น เพราะเป็นพื้นที่ควบคุมห้ามจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ หากฝ่าฝืนใช้มาตการทางกฏหมาย ทั้งปรับและจำคุก พร้อมรณรงค์ทุกรูปแบบ และสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน เพื่อลดความสูญเสียดังกล่าว
///////////////

You May Also Like