จากกรณีนางสมพร สารสุวรรณ์ อายุ 51 ปี ขายอาหารออนไลน์ ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 17.30 น.ได้เดินทางไปแจ้งความว่าโอนเงินให้หลานแต่โอนผิดบัญชีจำนวน เงิน 5,010 บาท แล้วลืมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป้ราคาประมาณ 9,000 บาทวางทิ้งไว้บนโต๊ะแจ้งความที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งรับแจ้งความอยู่ หลังจากนั้นได้มีหญิงอายุประมาณ 30-35 ปี ที่นั่งแจ้งความอยู่โต๊ะข้างๆฉวยโอกาสหยิบโทรศัพท์ที่ลืมไว้แล้วหลบหนีไปกล้องวงจรปิดในห้องแจ้งความสามารถจับภาพไว้ได้และเห็นหน้าชัดเจน เบื้องต้นแจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม2564 ผ่านมากว่า1 เดือนยังไม่ได้ของคืน อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวหญิงดังกล่าวมาดำเนินคดีด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 8 ก.ย.64 ที่ สภ.ปากเกร็ด พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.จักรพรรดิ ปะถาปะตา สว.สส.ฯ, พ.ต.ท.วรพจน์ ฉิมลอยลาภ สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.สุดารักต์ สุนทรวัฒน์ อายุ 22 ปี ที่ห้องเช่าเลขที่ 67/65 ม.3 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ข้อหากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
น.ส.สุดารักต์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า วันนั้นเข้ามาแจ้งความเรื่องเงินหายและต่อคิวอยู่ เห็นว่ามีผู้หญิงลืมโทรศัพท์ไว้ตนจึงหยิบมา หลังจากนั้นได้เอาโทรศัพท์ไปขายต่อที่ร้านโทรศัพท์บริเวณ 5 แยกปากเกร็ด ตอนที่ตัดสินใจหยิบมาไม่ได้คิดอะไรเลย และกำลังเมากระท่อมอยู่ หลังจากที่หยิบโทรศัพท์มาแล้วไม่กล้าเอามาคืนเพราะว่าตนมีคดีร่วมกันฉ้อโกงและฉ้อโกงอยู่เลยไม่กล้าเอามาคืน และจะถูกดำเนินคดีจึงไม่กล้าเอามาคืนและกลัว ตอนนี้อยากขอโทษผู้เสียหายว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
ด้านนาง สมพร ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้ทางผู้กำกับและรองสือบสวนทำงานได้เร็วมาก ซึ่งทางตนไม่ทราบว่าร้อยเวร พันธ์พงศ์ ที่รับเรื่อง ส่งเรื่องและรอดำเนินการอยู่แต่ตนไม่เข้าใจเองเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจไม่ตามเรื่องให้ ได้คุยกับผู้ต้องหาแล้วแต่ไม่ค่อยอยากถามอะไรมาก เพราะสงสารคนร้ายเพราะเป็นผู้หญิงหน้าตาก็ดีไม่น่าทำแบบนี้แค่โทรศัพท์เครื่องเดียว คงต้องรอหมายศาลเพราะเขาบอกจะชดใช้เงินคืนด้วย วันนี้ดีใจมากและขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะตนเครียดเป็นเดือนแล้วและต้องใช้โทรศัพท์ในการขายอาหารในหมู่บ้านเดือดร้อนโดยตรง ส่วนเรื่องเงินที่โอนผิด 5,000 ทาง ผู้กำกับบอกว่าจะตามเงินคืนให้ภายใน 7 วัน และจะเดินเรื่องให้ถึงที่สุด
วันเดียวกัน พ.ต.อ.พีระเดช เจริญเดช ผกก.สภ.บางใหญ่ พ.ต.ท.ณัฐยุทธ์ แก้วปาน รอง ผกก.สส.และ พ.ต.ต.พายุ นิลละออ สว.สส สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว 1.นายเอกพันธ์ หรือหนู บัวเกิด อายุ 31 ปี พยาบาลวิชาชีพแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 41 ม.4 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ชนิดลูกโม่ (รีวอลโว) ขนาด .38 เครื่องกระสุนอาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 6 นัด แผ่นป้ายกระดาษ ระบุหมายเลขทะเบียน กค – 4382 นนทบุรี (ทะเบียนปลอม) จำนวน 2 แผ่น ต้นไม้ด่างจำนวน 6 ต้น และ ได้ตรวจยึด รถยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น H-RV สีขาว หมายเลขทะเบีย 8กจ 9707 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน กระทำผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการโดยผิดกฎหมาย และใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิด ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การการทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร จับกุมตัวได้ที่ตลาดขายส่งต้นไม้ พระเงิน ภายในซอยวัดพระเงิน ม.10 ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านต้นไม้ จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อ ยืดคอกลมแขนยาว กางเกงขาสามส่วนสวมหมวกใส่แมสสวมรองเท้าแตะ เดินวนไปวนมาภายในร้านก่อนอาศัยช่วงจังหวะเจ้าของร้านเผลอ แอบขโมยต้นไม้แล้วหลบหนีไป
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จาก นายฐกรณ์โชติ ศิริ อายุ 24 ปี ว่ามีคนร้ายมาลักทรัพย์เป็นต้นไม้ด่าง จำนวน 3 ต้น มูลค่ารวม 142,000 บาท แล้วหลบหนีไป ไปในวันเดียวกันได้รับแจ้งจาก น.ส.ธนัทอร ฉัตรสกุลเจริญ อายุ 48 ปี ว่ามีคนร้ายมาขโมยต้นไม้ด่าง จำนวน 1 ต้น มูลค่า 70,000 บาท แล้วหลบหนีไป ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จาก นายกวิน สาธุชาติ อายุ 28 ปี ว่ามีคนร้ายมาขโมยต้นไม้ด่าง จำนวน 3 ต้น มูลค่ารวม 100,000 บาท ต่อมานายสมโภช เพิ่มสุขอายุ 38 ปี ถูกขโมยต้นไม้ด่าง จำนวน ๑ ต้น มูลค่า 100,000 บาท แล้วหลบหนีไป
จากการสอบสวนนายเอกพันธ์ รับสารภาพว่าต้นไม้ ที่ตนได้ลักทรัพย์มานั้น ตนได้นำไปปลูกไว้ที่บ้านของตนเพื่อให้เติบโตและจะนำไปขาย บริเวณที่บ้านเลขที่ 41 ม.4 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จว.สมุทรสาคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจสอบพบของกลาง 1.ต้นกุ้งด่าง จำนวน 1 ต้น 2.ต้นบอนด่าง จำนวน 1 ต้น 3.ต้นประกายดาว จำนวน 2 ต้น 4.ต้นบอนกระดาษ ด่างดำ จำนวน 1 ต้น 5.ต้นเสน่ห์จันทร์ประกายดาว จำนวน 1 ต้น พบอยู่ในเรือนเพราะชำด้านหลังบ้านของนายเอกพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนร้ายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณร้านต้นไม้ที่เกิดเหตุ ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสมโภช เพิ่มสุข อายุ34ปี เจ้าของร้านต้นไม้ภายในตลาดขายส่งต้นไม้พระเงิน กล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ที่ร้านมีคนโทรมาบอกว่าต้นไม้หายไปช่วงเวลาประมาณ 13.00น. จึงดูกล้องวงจรปิดพบว่าต้นไม้หายไปคือต้นบอนด่าง 1 ต้น มูลค่า 1 แสนบาท วันนี้หลังจากจับคนร้ายได้ก็รู้สึกเฉยๆเพราะไม่อยากให้ต้นไม้หายตั้งแต่แรก ตอนนี้ยังไม่ได้ต้นไม้คืนเพราะต้นไม้เป็นของกลางอยู่ที่โรงพัก.
Discussion about this post