วันที่ 18 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ที่ 4 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากทางครอบครัวของ นายประสงค์ บุญเขียน อายุ 40 ปี หรือ นายกานต์ จนท.อาสากู้ภัยของ มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี หลังเมื่อเวลา 16.17 น. ของวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส เข็มที่ 3 “แอสตร้าเซเนก้า” แล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้าน จนหลังช่วงเที่ยงคืน นางน้อย บุญเขียน อยุ 64 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ได้ยินเสียงร้องว่า “คืนนี้กูตายแน่” จนมาพบอีกทีเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. จึงขอให้ทางแพทย์เวรโรงพยาบาลราชบุรี ทำการชันสูตรผ่าสูจน์พลิกศพ เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากทางญาติทุกคนติดใจในการเสียชีวิตของผู้ตายว่า อาจเป็นเพราะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ไม่ถึง 24 ชม.ก็เป็นได้
โดยร่ายของ นายประสงค์ ได้ถูกนำส่งที่ศูนย์นิติเวชโรงพยาบาลราชบุรี เพื่อรอแพทย์ชันสูตรว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร ซึ่งทางญาติของผู้เสียชีวิตมั่นใจว่า นายประสงค์ เสียชีวิตเพราะการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 อย่างแน่นอน เพราะผู้เสียชีวิตไม่เคยมีโรคประจำตัว และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี และหากผลระบุการเสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่น ทางญาติจะรวบรวมเอกสารหลักฐานยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร้องขอให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและครอบครัว
นายสมควร บุญเขียน อายุ 43 ปี พี่ชายของผู้เสียชีวิต ได้เล่าว่า ตนไม่ทราบว่า น้องชายจะไปฉีดวัคซีนเข็ม 3 มีแต่แม่เท่านั้นที่ทราบเรื่อง ซึ่งน้องชายเป็นคนแข็งแรงมาก พอมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ทำให้น้องต้องตาย ตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และอาจจะไม่ไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 กันทั้งบ้าน เนื่องจากทุกคนที่บ้านนั้นฉีดวัคซีนเข็มแรกครบทุกคนแล้ว เพราะรู้สึกหวาดกลัวและไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยกับคนในครอบครัวอีก ซึ่งการสูญเสียบุคคลในครอบครัวนั้นไม่มีอะไรมาทดแทนได้ โดยทางญาติของตนจะร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นกับครอบครัวของใครอีก ส่วนศพของน้องชายนั้นจะนำกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน โดยจะมีการพูดคุยกับทางญาติๆก่อนว่าควรจะเอาไว้กี่คืน
ขณะเดียวกัน นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายแพทย์ธนบุญ ประสานนาม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี เป็นนายแพทย์ประจำศูนย์ฉีดวัคซีนโรงยิมเนเซียมราชบุรี พร้อมนายจำนงค์ จันทร์วงศ์ ปลัดอำเภอเมืองราชบุรี ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดงานศพของผู้เสียชีวิต โดยได้พบกับ แม่ผู้ตายที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งหน่วยงานที่เดินเข้าเยี่ยมได้พยายามช่วยกันปลอบใจ โดยนางน้อย ได้แต่พูดว่า “ถ้าไม่ให้ลูกไปฉีดวัคซีนเมื่อวาน วันนี้ลูกชายก็คงไม่ตาย ซึ่งยังทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้”
นายแพทย์ธนบุญ ประสานนาม เปิดเผยว่า หลังจากที่ฉีดวัคซีนตัวใดก็ตามที่มีผลข้างเคียงระดับรุนแรง เช่น เกิดการพิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือ เสียชีวิต ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะมีกฎเกณฑ์ที่จะช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ถึงแม้ว่า จะมีการผ่าพิสูจน์สาเหตุของการเสียชีวิตจะออกมาเป็นเช่นไร แต่ผลกระทบหลังจากการฉีดวัคซีน เราก็จะถือว่าต้องพิจารณาในเรื่องของการเยียวยาให้อยู่แล้ว สำหรับผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีน จะได้รับเงินเยียวยาจาก สปสช. ประมาณ 400,000 บาท ซึ่งทางรพ.ราชบุรี กำลังจะยื่นเรื่องขอเงินเยียวยาจากคณะอนุกรรมการ เพื่อให้ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนี้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่ นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 กล่าวว่า เข้าใจกับความรู้สึกสูญเสียของญาติผู้เสียชีวิต แต่วัคซีนทุกตัวมีผลข้างเคียง และไม่อยากให้ประชาชนกลัวการที่จะไปฉีดวัคซีน เพราะถ้าไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนอาจจะมีโอกาสติดโควิดได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีอาการมากกว่า รวมทั้งอาจจะติดเชื้อลามไปถึงครอบครัวด้วย และอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้มากกว่า จึงอยากจะให้ทุกท่านไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไว้ดีกว่า
สุจินต์ นฤภัย(เต้) จ.ราชบุรี
Discussion about this post