วันที่ 19 กันยายน 2564 นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ดร.สมไทย วงษ์เจริญ และ นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร ที่ปรึกษาคณะทำงานพืชสมุนไพรเพื่อชาติจังหวัดพิษณุโลก ร.อ.อุบล พุทธรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพิษณุโลก พร้อมคณะร่วมกันส่งมอบ “ห้องสูดดมไอต้ม ไอระเหยของพืชสมุนไพรแพทย์แผนไทยเพื่อสุขภาพ” เพื่อส่งเสริมสุขสภาพ สำหรับผู้เข้าพักรักษาตัวจากโควิด ได้เข้าห้องอบสมุนไพร เพื่อช่วยเสริมสุขภาพและอาการหายใจไม่สะดวก ไอระเหยของสมุนไพรจะช่วยระบบการหายใจและกระตุ้นการหายใจของปอดให้ดียิ่งขึ้น ให้กับศูนย์พักคอยจังหวัดพิษณุโลก แห่งที่ 1 บริเวณศูนย์กีฬาในร่ม โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดย ดร.สมไทย วงษ์เจริญ เจ้าของกิจการวงษ์พาณิชย์ ผู้ออกแบบและจัดสร้าง กล่าวว่า ห้องสูดดมไอต้ม ไอระเหยของพืชสมุนไพรแพทย์แผนไทยเพื่อสุขภาพ ถือว่าเป็นตัวแรกของประเทศไทย การอบสูดดมไอระเหยสมุนไพรที่เป็นหมอกควันออกมา จากสูตรที่คณะทำงานพืชสมุนไพรเพื่อชาติจังหวัดพิษณุโลกได้ดำเนินการดังกล่าว
การจัดสร้างห้องเป็นต้นแบบมีจำนวน 3 ห้อง เป็นห้องโปร่งใส สะอาด สามารถประกอบและเคลื่อนย้ายได้ง่ายแบบน็อกดาวน์ โดยมีขนาดความสูง 180 เซนติเมตร ความลึก 180 เซนติเมตร ความกว้าง 120 เซนติเมตร ท่อต่อเป็นท่อสแตนเลสสติลคุณภาพสูงเกรด 304 เกรดเครื่องมือแพทย์ที่ปลอดสนิม เอามาใช้ประโยชน์ในสิ่งเหล่านี้นอกจากนั้นจะเป็นหม้อต้มสแตนเลสขนาด 50 ลิตร ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นแก๊ส LPG ทำการต้มสมุนไพร ปล่อยควันไอระเหยเข้ามา ถ้าเข้าไปนั่งในนี้มันจะโล่งจมูกแล้วก็โล่งปอดเลย จะสดชื่นมากหอมสดชื่นแบบหอมลึกหอมนานหอมเย็น หอมลึกผ่านจมูกเข้าไปตามทางเดินลมหายใจเข้าไปในปอดเลยทีเดียว ผู้พักคอยที่ใช้บริการจะมีความรู้สึกว่าสดชื่น แล้วก็มีกำลังใจอาจจะเปรียบเทียบว่าสูงกว่าออกซิเจนด้วยซ้ำไป นี่คือแนวความคิดในการทำห้องสูดดูมไอระเหยขึ้น ต้นทุนในการจัดทำห้องนี้ประมาณ 35,000 บาท จากนี้จะดูว่าต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างไรโดยผู้เชี่ยวชาญจึงจะต่อยอดทำเพิ่มขึ้นมาอีก และยินดีที่จะมอบลิขสิทธิ์ดังกล่าวให้ส่วนราชการและภาคเอกชนอื่น ๆ นำไปเป็นต้นแบบการสร้าง “ห้องสูด ดม ไอต้มสมุนไพรแพทย์แผนไทย” เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แผนไทยต่อไป
นายเอกกฤษ จันทร์โต อาจารย์ภาควิชาการแพทย์แผนไทยวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า การตั้งตำรับสมุนไพรนี้ขึ้นมาเนื่องจากมีการใช้มาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยสรรพคุณของตำรับสมุนไพรสูตรนี้ จะช่วยในการลดอาการข้างเคียงจากโรคโควิด จมูกไม่ได้กลิ่น ทางเดินหายใจไม่สะดวก สมุนไพรหลัก ๆ ที่ใช้จะเป็นสมุนไพรที่เป็นน้ำหอมระเหย ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยทางเดินหายใจอยู่แล้ว มีทั้งยาหลัก ยารอง และยาประกอบเพื่อเสริมฤทธิ์และเพิ่มสรรพคุณสมุนไพรให้มีประโยชน์มากขึ้น แพทย์แพทย์ไทยก็อยากมีบทบาทในการมีส่วนร่วมช่วยชาวจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้ด้วย ส่วนประกอบสมุนไพรที่ใช้สูดดม ประกอบด้วย ผิวมะกรูด ขมิ้นชัน ตะไคร้ ใบมะขามไทย ใบส้มป่อย การบูร หอมแดง และน้ำสะอาด ซึ่งมีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ช่วยทำให้ปอดขยายตัวได้ดี ระบบหายใจปลอดโปร่ง โดยผู้ป่วยจะต้องสูดเอาไอน้ำเข้าทางจมูกและปาก สัปดาห์ละ 2 วัน 2 ครั้ง เช้าและเย็น ครั้งละ 10 – 15 นาที
ด้าน นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า นี่คือความร่วมมือและประสานความห่วงใยที่จะดูแลชาวจังหวัดพิษณุโลกให้ดีขึ้น สิ่งที่ได้ทำอย่างไรโดยการใช้สารทางการแพทย์แผนไทยอาจไม่ได้หมายถึงว่าเราจะใช้สิ่งนี้มาฆ่าเชื้อโควิดโดยตรง แต่ว่าเวลาที่คนป่วยเป็นโรคโควิด 19 หนึ่งก็คือว่าร่างกายก็จะจัดการกับโรคนั้นด้วย แล้วก็ถ้าสมมุติว่าร่างกายโดยทั่วไปดี มีความแข็งแรงของระบบทางเดินหายใจแล้วก็ไม่มีความทุกข์ทรมานจากโรคนี้ก็จะเกิดการฟื้นตัวได้เร็วขึ้น วันนี้เราได้มีการนำศาสตร์การแพทย์แผนไทยมา แล้วก็ผนวกกับความคิดที่เป็นเชิงกลไกวิศวะที่ ดร.สมไทย วงษ์เจริญ ได้ดีไซน์แล้วออกแบบมา เพื่อที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่าสมุนไพร มีผลต่อการดูแลรักษาได้ดียิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้คิดว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พวกเราทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่สาขาไหนไม่ว่าจะเป็นวิชาชีพอะไร ล้วนมีความห่วงใยที่จะดูแลคนป่วย covid-19 ในจังหวัดพิษณุโลกทั้งสิ้น
////////////
Discussion about this post