
วันที่ 16 ต.ค. 64 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จ.นครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.นครพนม พล.ร.ต. สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข. พล.ต.ต. ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง รอง ผบก.ภ.4 พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จ.นครพนม ร่วมแถลงว่า หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง
สถานีเรือนครพนม ได้รับแจ้งว่า ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าศาลหลักเมืองท่าอุเทน ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 น.อ.พรภิรมย์ ยศบุญ ผบ.นรข.เขตนครพนม ได้รับแจ้งจาก (ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ราชอาณาจักร บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าศาล หลักเมืองท่าอุเทน ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้สั่งการให้ น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หน.สน.เรือนครพนม นรข.เขตนครพนม ตรวจสอบข่าวพร้อม จัดชุดลาดตระเวนทางบกเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ เวลาประมาณ 19.00 น. ชุดลาดตระเวนทางบกทำการตรวจการณ์โดยใช้กล้องกลางคืน ตรวจพบเรือต้องสงสัยแล่นมาจากบริเวณกลางแม่น้ำทางด้านทิศเหนือ มาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าศาลหลักเมืองท่าอุเทน ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ห่างจากจุด ชุดลาดตระเวนที่ดักชุ่มอยู่ประมาณ 500 เมตร จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบกลุ่มบุคคลจำนวน 2 คน ได้แบกวัตถุต้องสงสัยลงจากเรือทิ้งไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชุดลาดตระเวนจึงได้แสดงตัวเพื่อทำการตรวจสอบ กลุ่มบุคคลดังกล่าวทิ้งวัตถุต้องสงสัยทำการวิ่งหลบหนี
ชุดลาดตระเวนได้ทำการตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบถุงกระสอบสีดำ จำนวน 10 กระสอบ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จึงนำมาตรวจสอบโดยละเอียดที่ สน.เรือนครพนม จากการตรวจสอบโดยละเอียดเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 444 แท่ง/กก. จึงได้ทำบันทึกการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งนำของกลางทั้งหมด ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

และ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.64 น.ท.ภาณุฑัต ทิพย์วงษ์ทอง หัวหน้าสถานีเรือรัตนวาปี ได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปกปิคนาม และที่อยู่เพื่อหวังสินบนรางวัลนำจับ) ว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติด
ชาว สปป.ลาว และกลุ่มผู้ค้าชาวไทย นัดหมายจะมีการส่งมอบยาเสพติดบริเวณบ้านตาลชุม หมู่ที่ 3 ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และสิ่งการให้ชุดลาดตระเวน จำนวน 3 ชุด ดักซุ่มบริเวณโรงเรียนบ้านตาลชุม ริมฝั่งแม่น้ำโขงหัวหมู่บ้านและท้ายหมู่บ้าน ชุดดักซุ่มท้ายหมู่บ้าน 1 ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนตรวจพบเรือกีบ 3 ลำ มีคนอยู่ในเรือประมาณ 5 คน อยู่กลางแม่น้ำโขง ลักษณะพายเรือตัดข้ามมาจากฝั่ง สปป.ลาว พร้อมกับได้ยินเสียงรถยนต์ต้องสงสัยมาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง อยู่ห่างจากชุดตักชุ่ม ประมาณ 50 เมตร เมื่อเรือกีบมาถึงบันไคทางขึ้นลงริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณโรงสูบท้ายหมู่บ้านฯ ชุดดักชุ่มท้ายหมู่บ้าน 1 ได้สังเกตเห็นชาย จำนวน 5 คน แบกวัตถุบางอย่าง สีดำ ที่บรรทุกมากับเรือขึ้นมาวางไว้บริเวณบันใดทางขึ้น – ลง จึงได้แสตงตัวเข้าตรวจคัน เมื่อชายทั้ง 5 คน ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ได้วิ่งและกระโดดน้ำหลบหนี พร้อมกับรถยนต์ต้องสงสัยที่มาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้ชับรถออกจากบริเวณที่มาจอด จนท.ชุดซุ่มท้ายบ้านจึงได้แจ้งให้สกัดจับรถยนต์ต้องสงสัยคัน ดังกล่าวที่กำลังหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดชุ่มบริเวณโรงเรียนบ้านตาลชุมฯ ได้ออกมาสกัดจับรถยนต์ต้องสงสัยพร้อมกับควบคุมตัวคนขับ 1 คน และผู้โดยสาร 1 คน ไว้ได้บริเวณถนนทางเข้า – ออกหมู่บ้าน (กลางทุ่งนาหน้าวัดเจริญมิตร) จึงรายงานให้หัวหน้าสถานีเรื้อรัตนวาปี เดินทางมาตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ตรวจพบเป็นยาเสพติตให้โทษประเภท (ยาบ้า) จำนวน 9 กระสอบ หลังจากตรวจสอบเบื้องตันแล้ว น.ท.ภาณุฑัต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดชุ่มนำของกลางทั้งหมด และนำตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 6 นาย พร้อมกับรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว มาที่สถานีเรือรัตนวาปี เพื่อทำการตรวจสอบ และสอบสวโดยละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนทราบชื่อ ภายหลังว่าผู้ต้องหาชื่อ นายคุณัชญ์ กิมเหล็ง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/3 หมู่ที่ 14 ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และ นายสุรินทร์ กิจเกษาเจริญ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/5 หมู่ที่ 9 ต.บางสมัคร อ.บางประกง จ.จะเชิงเทรา ได้รับการว่าจ้างจากนายบูม ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล และที่อยู่จริงให้เดินทางมาขนยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้า) ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงท้ายบ้านตาลชุม หมู่ที่ 3 ต.รัตนวาปี ฯ ผลการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้มาขนยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จริงและจากการตรวจนับ ตรวจสอบของกลางโดยรายละเอียดพบว่าเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ทั้งหมด จำนวน 3,700,000 เม็ด เรือกีบ จำนวน 1 ลำ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีแดง ทะเบียน 2 ฒฬ 1209 และ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO สีดำ จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การยอมรับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตน เจ้าหน้าที่ สน.เรือรัตนวาปี จึงได้ทำบันทึกจับกุมพร้อมกับนำผู้ต้องหา และของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนวาปี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post